เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกต่างตกอยู่ในภาวะหวาดกลัว ตลาดหุ้นของสหรัฐฯอเมริกาถึงกับต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราว 15 นาทีหลังเปิดตลาดได้ไม่นาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตซัพไพร์มหรือแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสในปี 2008 โดยดัชนีหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ อย่าง S&P500 และ Dow Jones Industrial Average ปิดตัวลดลงมากกว่า 7% ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้ากัน ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปิดตัวในแดนลบกว่า 5% และตลาด SET ของไทยร่วงลงหนักทะลุหนึ่งร้อยจุด ลดลงกว่า 8.6%
ในวงการเงินคริปโตฯ หลายคนมองว่า Bitcoin นั้นถือเป็นหนึ่งใน Safe-haven asset หรือสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองคำ แต่ในความเป็นจริงแล้วคำกล่าวนั้นอาจจะยังห่างกับความจริงมากนัก หลังจาก Bitcoin ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมานับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลงไปจนถึงต่ำสุดที่ระดับ 7,600 ดอลลาร์ คิดเป็นกว่า 16% ในขณะที่ทองคำเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ด้วยแรงกระชากขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,700 ต่อทรอยออนซ์ ก่อนที่จะลดความร้อนแรงลงมาและปิดการซื้อขายในแดนบวกเล็กน้อย
นาย Ron Paul อดีตผู้บริหารของทุนของ Goldman Sachs และซีอีโอบริษัท Real Vision ได้ออกมาให้ความเห็นว่า กองทุนเฮจฟันด์อาจเป็นผู้ทุบตลาด Bitcoin ในครั้งนี้ เนื่องจากอินดิเคเตอร์ Value at Risk (VAR) ซึ่งเป็นตัววัดค่าความผันผวนของตลาดปรับตัวสูงขึ้น และเหล่าผู้จัดการกองทุนจำต้องขายสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin และคริปโตฯอื่น ๆ ออกจากพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงลง
ขณะที่นาย Brian Armstrong ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของเว็บเทรดเงินดิจิทัลชื่อดัง Coinbase แสดงความแปลกใจที่ราคาของ Bitcoin ปรับตัวต่ำลง เนื่องจากแฟนฮาร์ตคอร์ของ Bitcoin หลาย ๆ คนเชื่อมันถูกสร้างมาเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินและเมื่อเกิดภาวะฟองสบู่ตลาดหุ้นแตก
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาของ ฺBitcoin จะปรับลดตัวลงมาอย่างรุนแรง ทำให้ราคาที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงสองเดือนแรกของปีหายไปเกือบหมด จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Barchart ชี้ให้เห็นว่า ราคาของ Bitcoin ยังเพิ่มขึ้นมามากกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี เมื่อเทียบกับทองคำที่มีการปรับตัวขึ้นมาในระดับเดียวกันอยู่ที่ 9.3% แต่เมื่อนำมาเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อย่าง S&P500 และ DJI แล้ว Bitcoin ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากดัชนีทั้งสองมีการปรับตัวลดลงมาในแดนลบถึง -15% และ -16.4% ตามลำดับ
การ Halving ของ Bitcoin ก็กำลังใกล้เข้ามาในเวลาอีกเพียงสองเดือนเท่านั้น นั่นหมายความว่าจะมี Bitcoin ที่เกิดใหม่จาก Block Reward ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนักขุดที่ช่วยดูแลบล็อกเชนจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ PlanB ที่โด่งดังจากโมเดล Stock-to-Flow ของเขายังเชื่อว่า จากธรรมชาติของ Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดและมีอัตราเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาจะสามารถขึ้นไปแตะ $100,000 ดอลลาร์ได้อย่างแน่นอนภายหลังจากการ Halving ครั้งนี้
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ราคา Bitcoin ดิ่งทะลุทุกแนวรับ ลือ! แชร์ลูกโซ่ Plus Token เป็นตัวการ