- ถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ตามรอยภาวะดิ่งลงแรงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกฉุดด้วยราคาบิทคอยน์ ซึ่งปรับตัวลดลงแตะที่ราว 42,200 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่เขียนรายงาน ก็เหมือนกับที่เมื่อเฟดให้ได้ เฟดก็สามารถเอาคืนได้เช่นกัน
- อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายยังคงมองเห็นโอกาสของการโกยรายได้เข้ากระเป๋าท่ามกลางการสวนกระแสของคริปโตเคอร์เรนซี โดย Sean Farrell นักกลยุทธ์สินทรัพย์ดิจิทัลของ Fundstrat และ Will McEvoy ได้เขียนคำแนะนำในโน้ตเมื่อวานนี้
ราคาของบิทคอยน์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เนื่องจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการของนักลงทุนสำหรับสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรมากที่สุด
ถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ตามรอยภาวะดิ่งลงแรงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกฉุดด้วยราคาบิทคอยน์ ซึ่งปรับตัวลดลงแตะที่ราว 42,200 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่เขียนรายงาน ก็เหมือนกับที่เมื่อเฟดให้ได้ เฟดก็สามารถเอาคืนได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 500% ตั้งแต่ปลายปี 2019 อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่การทบทวนรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับนักลงทุน เนื่องจากดูเหมือนว่าธนาคารกลางจะหันกลับมาใช้นโยบายสายเหยี่ยวอย่างแข็งกร้าว ซึ่งหมายรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายยังคงมองเห็นโอกาสของการโกยรายได้เข้ากระเป๋าท่ามกลางการสวนกระแสของคริปโตเคอร์เรนซี โดย Sean Farrell นักกลยุทธ์สินทรัพย์ดิจิทัลของ Fundstrat และ Will McEvoy ได้เขียนคำแนะนำในโน้ตเมื่อวานนี้
“ด้วยฉากหลังของเศรษฐกิจระดับมหภาคในปัจจุบัน การใช้ประโยชน์ในตลาด บิทคอยน์และความแข็งแกร่งล่าสุดที่เห็นในตลาด altcoin เราคิดว่าเหมาะสมที่จะให้น้ำหนัก Ethereum และแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะอื่น ๆ มากขึ้น”
“เราอาจจะไม่เดิมพันผลประโยชน์ในระยะสั้นกับบิทคอยน์ แต่คิดว่ามีโอกาสที่จะผันผวนยาวนานผ่านกลยุทธ์อนุพันธ์”
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงได้บีบบังคับให้ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาที่ผันผวนสำหรับตลาดการเงินและคุกคามสภาพคล่องที่ลดลงของสินทรัพย์ทุกประเภท