- ดูเหมือนว่าบิทคอยน์จะอยู่ที่ค่าเฉลี่ยจากระดับสูงสุดและต่ำสุดในช่วงปลายปี ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนที่แบ่งแยกกันยังคงรักษามาตรฐานของสกุลเงินดิจิทัลไว้อย่างไร
- การประชุมนโยบายของเฟดในสัปดาห์หน้าอาจให้เหตุผลสำหรับการชุมนุม bitcoin ซึ่งสะท้อนถึงปี 2017 เมื่อ บิทคอยน์แตะระดับสูงสุดตลอดกาลในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่เกือบ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะนั้น
ย้อนกลับไปในปีที่ราคามีระดับอยู่ที่ “เพียง” 28,000 เหรียญสหรัฐ คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่คาดว่าเหรียญดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ จะสามารถพุ่งทะยานมาอยู่ที่ราคาในปัจจุบัน
ตามธรรมเนียมแล้ว เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่ดีสำหรับสกุลเงินดิจิทัล และไม่ทำให้ผิดหวัง โดยมาตรฐาน บิทคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แม้ว่านักประวัติศาสตร์บิทคอยน์บางคนจะสังเกตเห็นว่าครั้งสุดท้ายที่สกุลเงินดิจิทัลทำสถิติสูงสุดตลอดกาลคือช่วงกลางเดือนธันวาคม 2017 ซึ่งแตะระดับเกือบ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม บิทคอยน์มีปีที่ผันผวนและในขณะที่ปี 2021 ใกล้จะสิ้นสุดลง ก็เข้าสู่สิ้นปีใกล้กับค่าเฉลี่ยปี 2021 โดยเฉลี่ยประมาณ 47,250 เหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน bitcoin มีการซื้อขายประมาณ 48,000 เหรียญสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์
ทั้งนี้ ราคาบิทคอยน์แสดงให้เห็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักเทรดที่ดูกราฟทางเทคนิคจะทราบได้อย่างรวดเร็วว่าสกุลเงินดิจิทัลได้ข้ามเส้นทางเดียวกันในปี 2017 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อใกล้ถึงกลางเดือนธันวาคม
ช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงกลางเดือนธันวาคมที่คาดการณ์กันไว้แล้ว ราคาของบิทคอยน์จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งในทันใดได้หรือไม่?
ที่น่าสนใจคือในขณะที่หุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ เนื่องจากข้อมูล CPI ของสหรัฐอยู่ในความคาดหวังของนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดจะบรรลุผลในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าเฟดจะเร่งการซื้อสินทรัพย์ให้ลดลงเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ
การเดิมพันเหล่านั้นได้รับการกลับรายการแล้ว โดยตอนนี้นักลงทุนมองว่าเฟดจะมีเหตุผลมากกว่านี้ที่จะคงอยู่ในแนวทางปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นการซื้อสินทรัพย์รายเดือนของกระทรวงการคลังและหลักทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนปีหน้า
เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนของไวรัสกลายพันธุ์ โอไมครอน (แม้ว่าจะดูเหมือนจะแสดงอาการไม่รุนแรงในการฉีดวัคซีน) และอัตราเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้อย่างที่บางคนแนะนำ แต่ก็ยังมีโอกาสอีกมากที่เฟดจะต้องรอดูสถานการณ์ ก่อนที่จะตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการคิวอี
และนั่นอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอร์เรนซีตลอดทั้งปี
แม้ว่าหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นตามข้อมูล CPI ซึ่งแนะนำว่าราคาเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเดือนที่แล้วจากปีที่แล้ว แต่ราคาของบิทคอยน์แทบจะไม่ขยับเลย โดยผู้ที่ดูกราฟบิทคอยน์จะเกาหัว เพราในอดีตราคาของบิทคอยน์จะขยับขึ้นตามตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
กระนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างบิทคอยน์กับเงินเฟ้อไม่สามารถใช้เป็นสถิติอ้างอิงในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัลได้ และเท่าที่นักลงทุนหลายคนอยากจะเชื่อว่าบิทคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพต่อเงินเฟ้อ ข้อมูลดังกล่าวก็ยังไม่สมบูรณ์เกินกว่าจะสรุปได้อย่างชัดเจน
ในทางกลับกัน บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลยังคงทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง และหากไม่มีอะไรอื่น ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มากกว่าอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้อมูลดัชนี CPI ซึ่้งกำลังพุ่งขึ้นอาจเป็นแรงหนุนในการปิดบังการฟื้นตัวของภาวะตลาดกระทิงของบิทคอยน์ เพราะถ้าเฟดไม่เร่งกระบวนการ taper (ซึ่งดูเหมือนจะมีเหตุผลน้อยมากที่เฟดจะทำเช่นนั้นเนื่องจาก เฟดมีเป้าหมายต้องการให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพ) หลายฝ่ายคาดว่าราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอเรนซีอาจเห็นการฟื้นตัวล่าช้าไม่นานหลังจากการประชุมนโยบายของเฟด
