- ด้วยอัตราเงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจหลักของสหรัฐฯ และยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้งานของธนาคารกลางต่าง ๆ มุ่งมั่นที่จะกระชับนโยบายการเงิน
- ในระยะกลาง สภาวะ Stagflation มีแนวโน้มที่จะเอื้อประโยชน์ต่อสินทรัพย์จริง สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นมูลค่าน้อย และสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่
ไม่มีเวลาใดที่จะเลวร้ายไปกว่าการเป็นนายธนาคารกลางมากไปกว่าช่วงเวลานี้แล้ว ด้วยอัตราเงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจหลักของสหรัฐฯ และยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้งานของธนาคารกลางต่าง ๆ มุ่งมั่นที่จะกระชับคุมเข้มนโยบายการเงิน
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอาจโต้แย้งว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อส่วนใหญ่เกิดจากอุปสงค์ที่กักไว้จากการระบาดใหญ่และการคำรามของห่วงโซ่อุปทาน วิกฤตพลังงานที่ใกล้จะเกิดขึ้นเนื่องจากสงครามในยูเครนจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ส่งสัญญาณถึงความกังวลว่าสงครามในยูเครนอาจนำไปสู่สถานการณ์ฝันร้ายที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ค่อนข้างจะหลีกเลี่ยง นั่นคือ ภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ หรือที่เรียกว่าภาวะ stagflation หรือ ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ
ในขณะที่การเติบโตยังคงแข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา ราคาพลังงานที่สูงอาจทำให้เศรษฐกิจตกรางได้ง่ายมาก
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อระยะสั้นในตลาดตราสารหนี้จะพุ่งสูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีฉากหลังเป็นราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้น อัตราผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาวก็แคบลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นหลุมหลบภัยชั่วคราวสำหรับบรรดานักลงทุนในช่วงเริ่มต้นของการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งทำให้หุ้นตกต่ำ แต่หุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว โดยมีอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเช่นกัน (ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเมื่อราคาพันธบัตรลดลง) เนื่องจากนักลงทุนพนันว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าลงเนื่องจากแนวโน้มที่ไม่แน่นอน
ทั้งนี้ ประมาณสองสัปดาห์ก่อนการประชุมกลางเดือนมีนาคมของเฟด ความคาดหวังก็คือเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเกือบเป็นศูนย์ และสัญญาณใดๆ ที่ลังเลที่จะขึ้นราคาต่อไปอาจเห็นการเพิ่มขึ้นชั่วคราวสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง
ในระยะกลาง สภาวะ Stagflation มีแนวโน้มที่จะเอื้อประโยชน์ต่อสินทรัพย์จริง สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นมูลค่าน้อย และสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่
