ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือเป็นเทศกาล Altcoin ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะพี่ใหญ่อย่าง บิทคอยน์ ไปได้ ทำเอานักลงทุนที่ไม่คุ้นเคยกับเหรียญทางเลือกต้องชำเลืองตามองเพราะแม้ BTC จะเป็นขาขึ้นแต่ก็ดูช้าเหลือเกิน
จากกราฟเห็นได้ว่าสัดส่วนการครองตลาดของ บิทคอยน์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง (ลูกศรสีขาว) โดย Altcoin หลักๆที่ปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปีก็คือ Tezos ที่ขึ้นมาเกือบ 200% รวมถึงเหรียญที่เรารู้จักกันดีคือ ETH,XRP ที่สร้างผลตอบแทนชนะ BTC
แต่จากกราฟเทคนิคในภาพใหญ่แสดงให้เห็นว่า บิทคอยน์ กำลังจะ Breakout เทรนด์ไลน์ขากดใหญ่ ซึ่งหากตีเส้นลงมาจากจุดสูงสุดในปี 2018 ที่ระดับเกือบ 20,000 เหรียญจะเห็นว่า BTC มีความพยายามจะ Breakout หนีเส้นกดนี้ครั้งหนึ่งแล้วในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ผ่านทำให้กลายเป็นขาลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 6,500 เหรียญ จนกระทั่งการฟื้นตัวรอบล่าสุดตั้งแต่เปิดปี 2020 เป็นต้นมา ใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง BTC กำลังจะทดสอบแนวต้านสำคัญนี้อีกครั้ง
สมมุติฐานแรกหาก บิทคอยน์ ผ่านเทรนด์ไลน์นี้ไปได้จะยืนยันการเป็นขาขึ้นที่สำคัญโดยจะมีแนวต้านต่อไปที่ระดับประมาณ 11,500 เหรียญ ตามแนว Fibonacci แต่หากไม่สามารถผ่านได้ อาจปรับตัวลงมีแนวรับที่ 9,500 เหรียญตามแนว Fibonacci หากยืนระดับนี้ไม่อยู่มีสิทธิพลิกกลับเป็นขาลงอีกครั้ง และจะกลับเข้าไปอยู่ในภาพใหญ่ของ BTC ที่ได้วิเคราะห์ไว้เมื่อต้นปี
ปัจจัยที่ผลักดันราคา BTC ยังคงเป็นประเด็นเรื่องของการ Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ ส่วนปัจจัยระยะสั้นจากสถิติในอดีตเผยว่าตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา หากลงทุนใน BTC,ETH และ XRP จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีเสมอยกเว้นปี 2019 โดยเฉพาะ BTC สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 4.73% ต่อปี และสูงสุดคือ 10.15% ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2018
อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงสถิติย้อนหลัง ขอให้นักลงทุนซื้อขายด้วยเหตุผลและกราฟเทคนิคเป็นหลัก ภาพระยะสั้นของวันนี้ BTC มีแนวต้านที่ 10,550 เหรียญ และแนวรับที่ 9,600 เหรียญ