บิทคอยน์ ถูกปรามาสในอดีตเสมอว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและเหวี่ยงตัวแรง แต่หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าปีนี้บิทคอยน์เริ่มมีความนิ่งมากขึ้นและเห็นสัญญาณว่าสินทรัพย์นี้กำลังเติบโตจากวัยรุ่นหัวร้อนเป็นวัยหนุ่มที่มีความนิ่งมากขึ้นจากปัจจัยต่อไปนี้
ความผันผวนที่ลดลง
สองสามปีที่ผ่านมา บิทคอยน์ ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงและเหวี่ยงตัวแรง (Volatile) แต่นับตั้งแต่ผ่านวิกฤต Black Thursday ในปีนี้ บิทคอยน์เริ่มมีความนิ่งมากขึ้น เราแทบไม่เห็นการปรับตัวขึ้นหรือลงแรงในระดับเลขสองหลักอีกต่อไป ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่ที่ระดับ 2-3% เท่านั้น
นักเก็งกำไรอาจไม่ชอบสิ่งนี้ แต่การที่ราคามีความนิ่งขึ้นจะเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนที่ Conservative หันมาลงทุนมากขึ้น ราคาจึงมีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น สวนทางกับ Altcoin ที่ยังมีความผวนสูงโดยเฉพาะกลุ่ม DeFi ที่มาใหม่
นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนมากขึ้น
อดีตที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่ที่เทรดบิทคอยน์จะเป็นนักลงทุนรายย่อย ทำให้ราคามีความผันผวนสูงเพราะส่วนใหญ่ลงทุนระยะสั้น แต่เราได้เห็นแนวโน้มที่นักลงทุนสถาบันหรือสถาบันการเงินหันมาลงทุนในบิทคอยน์มากขึ้นเช่น Greyscale ที่ถือครองบิทคอยน์ไว้จำนวนมาก
ล่าสุดการที่หน่วยงานกำกับทางด้านการเงินของสหรัฐฯอนุญาตให้ธนาคารสามารถทำธุรกิจ Custody กับสินทรัพย์ดิจิทัลได้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้นอีกด้วยซึ่งกลุ่มนี้จะลงทุนในระยะยาว ราคาจะมีความผันผวนน้อยลง
ตลาดอนุพันธ์ที่เติบโตมากขึ้น
CME ตลาดซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบิทคอยน์รายงานตัวเลขการเปิดสถานะและวอลลุ่มการซื้อขายทั้งฟิวเจอร์สและออปชันของ บิทคอยน์ ที่เติบโตต่อเนื่อง การที่ตราสารอนุพันธ์ของสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามเติบโตขึ้นจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าสินทรัพย์นั้น ๆ มีเสถียรภาพของราคาที่ดีขึ้น
สามปัจจัยนี้กำลังจะบอกเราว่าบิทคอยน์กำลังเป็นสินทรัพย์ที่เติบโตเป็นวัยหนุ่มแล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นที่มีความผันผวนสูงอีกต่อไปและพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนที่มีมาตราฐานไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ DCA อย่างไรให้มีกำไรในระยะยาว
แนวโน้มทางเทคนิค BTC
BTC มีแนวต้านสำคัญต่อไปอยู่ที่ 12,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หากผ่านไปได้และยืนได้อย่างมั่นคงถึงค่อยมองไปถึงเป้าหมายในการทำกำไรที่แนว Fibonacci 161.8 ที่ 14,700 ดอลลาร์
ระยะสั้น BTC ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยสามารถใช้เส้น EMA9,25 วันในการเป็นแนวรับ หากรับไม่อยู่สามารถใช้ระดับราคา 10,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ Breakout ขึ้นมาได้เป็นแนวรับ แต่หากยังไม่อยู่ยังมีเส้นเทรนด์ไลน์ด้านล่างเป็นแนวรับสุดท้าย หากหลุดลงไปจากนี้ BTC จึงจะพลิกกลับเป็นขาลง
กลยุทธ์การซื้อเมื่อย่อตัว (Buy On Dip) ถือเป็นวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการเทรด BTC ในช่วงนี้ ด้วยแนวโน้มราคาที่เป็นขาขึ้นและมีจังหวะพักตัวเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ได้ทำให้โมเมนตัมของราคาเสียไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : มีการใช้งานกระเป๋าสตางค์บิทคอยน์กว่า 1 ล้านใบทุกวันสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2018
ขณะที่ดัชนี SCN30 Index เริ่มมีแนวโน้มไซด์เวย์หลังจากที่เป็นขาขึ้นมาเกือบตลอดสองสัปดาห์และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 251 จุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภาพรวมของตลาดคริปโตมีการพักฐานเล็กน้อย ยกเว้นโทเคนที่มาแรงมากที่สุดของปีนี้นั่นคือ Chainlink ที่อันดับในดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดถึง 5 อันดับ ทำให้ล่าสุด LINK ขึ้นมาติดอันดับที่ 5 ของเหรียญที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง :จรวด ChainLink พุ่งต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้วที่เกือบ 14 ดอลลาร์!!