เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่มาได้ไม่สดใสนักสำหรับบิทคอยน์ ปรับตัวลดลงจากระดับ 9,400 ดอลลาร์และร่วงทะลุระดับ 9,000 ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยโดยขณะนี้ซื้อขายกันอยู่ที่บริเวณ 9,100 ดอลลาร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบิทคอยน์พยายามขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้านใหญ่ที่ 10,000 ดอลลาร์ก่อนจะยืนไว้ไม่อยู่และร่วงลงมากว่า 800 ดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ตัวการหลักที่ทำให้ตลาดคริปโตเป็นสีแดงนั้นน่าจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นที่ทำท่าจะไปต่อไม่ไหวเสียมากกว่า
ตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ของดัชนี Dow Jones ได้ร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อเช้าที่ผ่านมาก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในช่วงหัวค่ำของวันนี้ในเวลาประเทศไทย แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯดูเหมือนว่ากำลังจะไปได้สวยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จากราคาที่สวนทางกับสถานการณ์จริงและปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าทั้งการระบาดของไวรัสที่ยังไม่ดีขึ้น การประท้วงที่ทวีความรุนแรงและยืดเยื้อ และอัตราการว่างงานที่ยังไม่ลดลง การขึ้นของราคาหุ้นนั้นจึงไม่สามารถเป็นไปอย่างยั่งยืนได้
อ่านเพิ่มเติม: อัตราว่างงานที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศออกมา 2 เดือนล่าสุดนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น !!
ดัชนีฟิวเจอรส์ของ Dow Jones ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วหลังเปิดให้ซื้อขายเมื่อเช้าวันนี้
เมื่อมีข่าวลือถึงการระบาดรอบสองในกรุงปักกิ่งประเทศจีนออกมา เหล่านักลงทุนที่หลงหน้ามืดตามัวจนลืมไปว่าตอนนี้โลกกำลังต้องเผชิญกับอะไรอยู่ก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากฝันมาพบความจริงที่โหดร้าย ขณะที่หลายประเทศเข้าเกณฑ์ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาหุ้นที่สูงขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯจะหนีความจริงไปได้
ราคาของบิทคอยน์กลับมาแปรผันและเกี่ยวข้อง (Correlation) กับตลาดหุ้นของสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่งหลังจากสามารถฉีกนำหน้าไปได้ในระสั้น ๆ ในช่วงหลังจากเหตุการณ์ตลาดนองเลือดเมื่อกลางเดือนมีนาคม ราคาของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่กำลังจะเปิดในเวลาประมาณสองทุ่มของประเทศไทยวันนี้ย่อมส่งผลต่อทิศทางราคาของบิทคอยน์อย่างแน่นอน
หากตลาดโลกร่วงหนัก โอกาสที่บิทคอยน์จะร่วงตามไปด้วยนั้นมีค่อนข้างสูง เพราะนักลงทุนหลายรายยังถือว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เสี่ยง (Risk on Asset) อยู่ สิ่งที่เราต้องมาดูกันหลังจากนี้ได้คือ ใครจะสามารถพื้นตัวได้ไวและไปได้ไกลกว่ากันในระยะยาวหลังจากวิกฤตเหล่านี้ผ่านพ้นไปแล้วนั่นเอง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: The Dangerous Gap เมื่อ Wall Street และ Main Street ถูกแยกออกจากกัน แล้ว Crypto Street จะไปทางไหน??