Cryptometer เว็บไซต์วิเคราะห์ตลาดคริปโตฯได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้ (10 พฤษภาคม) มีนักเทรดคริปโตที่ถูกบังคับปิดสถานะ (Liquidatation) บนเว็บเทรดอนุพันธ์เงินดิจิทัลชื่อดังอย่าง BitMEX เป็นมูลค่ารวมกว่า 295 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นผู้ที่เปิดสถานะ Long ถึง 98% ขณะที่สถานะ Short มีมูลค่าเพียง 5.7 ล้านดอลลาร์หรือเพียงแค่ 2% เท่านั้น
การถูกบังคับปิดสถานะดังกล่าว บ่งชี้ให้เห็นว่านักเทรดต่างแห่กันเก็งกำไรบิทคอยน์ในทิศทางขาขึ้นที่ระดับใกล้เคียง 10,000 ดอลลาร์ และการที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลงหนักกว่า 14% จากระดับ 9,450 ดอลลาร์มาอยู่ที่ระดับ 8,101 ดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงแค่ 15 นาทีจึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ที่เทรดตราสารอนุพันธ์ โดยเฉพาะผู้ที่วางมาร์จินจำนวนหลาย ๆ เท่า
คู่เทรดที่ถูกปิดสถานะมากที่สุดถึง 93% ก็คือคู่เทรดบิทคอยน์และดอลลาร์ XBT/USD ขณะที่นักเทรดสาย Long ของ XRP ถูกบังคับปิดสถานะคิดเป็นสัดส่วน 4.1% รวมมูลค่า 12.3 ล้านดอลลาร์ และ ETH คิดเป็นสัดส่วน 2.2% มูลค่า 6.5 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ XRP และ ETH สถานะ Short ที่ถูกบังคับปิดสถานะไปมีสัดส่วนเพียง 0.02% และ 0.22% ตามลำดับ
การที่นักเทรดคริปโตรายย่อยถูกบังคับปิดสถานะตราสารอนุพันธ์เป็นจำนวนมากอาจเป็นเพราพวกเขาหวังที่จะทำกำไรก่อนที่จะเกิด Bitcoin Halving แต่พวกเขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าบิทคอยน์ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 150% ในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือน และการลงมาปรับฐานเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
การที่เว็บเทรดคริปโตจำนวนหนึ่งได้โหมเกาะกระแสของการเกิด Halving ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงให้นักเทรดจำนวนมากแห่เข้ามาเก็งกำไร อย่างเช่นเว็บเทรด Bittrex Global ได้ส่งอีเมลหาลูกค้าด้วยข้อความว่า “รีบซื้อบิทคอยน์ก่อนจะเกิด Halving!!” และยังได้เพิ่มวงเงินซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิตเป็นกรณีพิเศษในช่วงก่อนถึง Halving อีกด้วย
ขณะที่ Bybit ซึ่งเป็น Exchange ตราสารอนุพันธ์ที่เปิดให้เทรดแบบมาร์จินได้ในอัตราทดสูง ได้เปิดเผยรายงานที่สนับสนุนแนวคิดขาขึ้นของบิทคอยน์ในช่วงก่อนเกิด Halving เช่นกัน
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin Halving ไม่ได้หมายความว่าราคาจะขึ้น อย่ามโนไปเอง