Sberbank ธนาคารรัฐที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ประกาศร่วมมือกับ S7 Airlines สายการบินภายในประเทศทำระบบแพล็ตฟอร์มบล็อกเชนเปิดทางขายตั๋วโดยสารเครื่องบินด้วยโทเคนดิจิทัล
หนังสือพิมพ์ Kommersant ของรัสเซียรายงานว่า ระบบแพล็ตฟอร์มขายตั๋วโดยสารแบบใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มบริษัทองค์กรสามารถชำระเงินได้ทันทีผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และโทเคนดิจิทัล โดยธนาคารและสายการบินมีแผนที่จะเปิดตัวระบบดังกล่าวในเดือนกันยายนนี้ นับเป็นครั้งแรกของประเทศรัสเซียที่สินทรัยพ์ดิจิทัลจะถูกนำมาใช้เพื่อการชำระเงินและใช้จ่ายจริง
ด้านตัวแทนของธนาคาร Sberbank และ สายการบิน S7 เปิดเผยว่า แพล็ตฟอร์มใหม่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่บริษัทและองค์กรเท่านั้น และระบบบล็อกเชนจะช่วยย่นเวลาการทำข้อตกลงชำระหนี้ต่าง ๆ จาก 10 วันเหลือเพียงแค่ 20 วินาทีเท่านั้น
สำหรับระบบขายตั๋วแบบใหม่นี้จะใช้แพล็ตฟอร์มบล็อกเชนแบบเปิดเพื่อให้บริษัทอื่น ๆ สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นและ Smart Contract ของตนเองขึ้นมาได้อย่างเสรี ซึ่งทางสายการบิน S7 เองได้นำแอปพลิเคชันขายตั๋วไปวางไว้บนแพล็ตฟอร์มของทางธนาคาร Sberbank เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดในขณะนี้ว่า จะมีการประยุกต์ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างระบบแปลงสินทรัพย์ให้อยู่ในรูปของโทเคน (Tokenization) กับแพล็ตฟอร์มตัวใหม่นี้อย่างไร โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่บริหารรายหนึ่งของสายการบิน S7 กล่าวว่า ทางธนาคาร Sberbank จะวางตัวเป็นเสมือนเจ้าของแพล็ตฟอร์ม Tokenization ซึ่งจะแปลงสินทรัพย์ทั้งหลายจากบัญชีลูกค้าบริษัทองค์กรให้เป็นโทเคนผ่านทาง Smart Contracts
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้ง Sberbank และสายการบิน S7 ต่างแสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบบล็อกเชนอย่างเต็มที่ โดยมีรายงานว่า ทางสายการบิน S7 ซึ่งเป็นสมาชิกของ Oneworld พันธมิตรสายการบินระดับโลก ได้ดำเนินการพัฒนาบล็อกเชนซื้อขายตั๋วเป็นที่แรกของโลกภายใต้ความร่วมมือกับ Alfa-Bank ธนาคารเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในปี 2017 โดยจนถึงเดือนกรกฎาคมปี 2019 สายการบิน S7 ได้ดำเนินการชำระเงินผ่านแพล็ตฟอร์มดังกล่าวแล้วเป็นมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังมีรายงานระบุว่า ทางธนาคาร Sberbank อยู่ในระหว่างการพิจารณาเปิดตัวสกุลเงิน Stablecoin ของตนเองที่ตรึงมูลค่ากับสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียอีกด้วย
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: จีนเล็งใช้บล็อกเชน, AI, Big Data และ 5G หนุนปฎิรูประบบบริการประชาชน