การใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการเงินเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายกำลังพยายามนำมาปรับใช้กับองค์กรของตนเอง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลื่ยนไป
โดยเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ Facebook ประกาศเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของตนเองที่ชื่อว่า Libra ก่อให้เกิดการกระตุ้นต่ออุตสาหกรรมการเงินที่ในปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องเร่งร่วมมือกันเพื่อหารือและศึกษาถึงประโยชน์และความเป็นไปได้ในการนำมาปรับใช้กับแผนการดำเนินงาน เพื่อควบคุมอำนาจและรักษาเสถียรภาพทางการเงินของรัฐไว้
นาย Francois Villeroy de Galhau ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส ได้แสดงความเห็นในประเด็นของการออกสกุลเงินดิจิตอลนั้นควรเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของธนาคารกลาง ไม่ใช่ของบริษัทเอกชน
“ประเทศในโซนทางตอนเหนือของยุโรปโดยเฉพาะสวีเดนและเนเธอร์แลนด์ มีแนวโน้มในการใช้เงินสดน้อยลงอย่างต่อเนื่องและชัดเจน จึงทำให้ธนาคารกลางต้องพิจารณาถึงการออกสกุลเงินดิจิตอล (CBDC) ของตนเอง เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของประชาชนผู้ใช้บริการ”
นอกจากนี้ นาย Francois Villeroy de Galhau ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกลางกำลังวางแผนในการทดลองใช้สกุลเงินดิจิตอล โดยร่วมมือกับธนาคารในโซนยุโรปเพื่อศึกษาถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการดำเนินงาน สุดท้ายนี้มีการถามถึงประเด็นในการออกสกุลเงินดิจิตอลโดยบริษัทเอกชนนั้นสมควรหรือไม่ โดยผู้ว่าการธนาคารฝรั่งเศสได้ให้ความเห็นว่า
“สกุลเงินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเป็นของใครเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นโดยจะต้องได้รับการควบคุมเพื่อเสถียรภาพและกฎเกณฑ์ในสังคม”
จากท่าทีของธนาคารกลางหลายแห่งในโลกต่อเงินดิจิตอลของ Facebook นั้น ทำให้เราเห็นได้ว่า เหล่าธนาคารกลางมองเงินดิจิตอลเป็นทั้งภัยและโอกาส เนื่องจากมันเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและกำลังจะมาแทนที่เงินสด ธนาคารจึงต้องเร่งรัดการออกเงินดิจิตอลของตนเองเพื่อไม่ให้สูญเสียอำนาจและการควบคุมทางการเงินไป
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกมอง “Libra” เป็นเหตุให้โลกย้อนมองเงิน “ดอลลาร์สหรัฐฯ” เป็น “สกุลเงินสำรอง” ของโลกอีกครั้ง