ธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่นหรือ Bank of Japan (BoJ) ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่าจะเดินหน้าพิจารณาบความเป็นไปได้และประโยชน์ของสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC) หรือ ดิจิทัลเยน
ด้าน BoJ ได้แสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการเปลี่ยนเงินสดให้มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งสำคัญอย่างจีนได้ทำการทดสอบและเปิดให้ใช้เงินดิจิทัลหยวนไปแล้วบางส่วน โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง BoJ ออกมารับหน้าอย่างเต็มตัวว่าจะพิจารณาการสร้างเงินดิจิทัลเยนแม้จะยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดออกมาแต่อย่างใด
ในรายงานภายใต้ชื่อ “อุปสรรคและความท้าทายด้านเทคนิกของ CBDC” ทางธนาคารกลางฯได้ให้ความเห็นว่า จะทำการตรวจสอบถามเป็นไปได้และประโยชน์ของสกุลเงินดิจิทัลร่วมกับธนาคารกลางจากประเทศอื่น ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งพิจารณาสร้างเงินดิจิทัลเยนอย่างจริงจังหากเห็นสมควร
โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ได้มีข่าวออกมาว่าทางธนาคารกลางของอังกฤษ ยุโรป ญี่ปุ่น แคนนาดา สวิสเซอร์แลนด์ และสวีเดนได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มวิจัยเงินดิจิทัลอีกด้วย
ทาง BoJ ยังได้เผยอีกว่า อุปสรรคทางด้านเทคนิกของเงินดิจิทัลแห่งชาติหรือ CBDC นั้นคือ “การเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและความยืดหยุ่น” โดนการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมนั้นหมายความว่า ประชาชนทุกคนต้องมีสิทธิในการเข้าถึงและใช้งานเงินดิจิทัลเยน รวมถึงคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย โดยจากรายงานของ Nikkei ในปี 2018 พบว่า มีประชากรญี่ปุ่นถึง 35% ที่ไม่มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟนใช้ โดยทาง BoJ ได้แสดงถึงความห่วงใยต่อประชากรกลุ่มนี้และย้ำว่าทุกคนต้องมีสิทธิในการเข้าถึงเงินดิจิทัลเยนอย่างเท่าเทียมกัน
ขณะที่”ความยืดหยุ่น”นั้นหมายความว่าเงินดิจิทัลเยนจะต้องใช้การได้แม้จะเกิดไฟดับหรือไม่มีสัญญานอินเตอร์เน็ต โดยเงินดิจิทัลเยนจะต้องใช้การได้ในทุกสถานการณ์รวมไปถึงช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมหรือแผ่นดินไหวด้วย
นอกจากนี้ทาง BoJ ยังคงอยู่ในขั้นตอนพิจารณาว่าเงินดิจิทัลเยนนั้นจะเลือกใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนหรือไม่ เนื่องจากระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์ก็มีข้อดีของมันเองในด้านการรองรับข้อมูลจำนวนมากและสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่เทคโนโลยีที่มีการกระจายศูนย์อย่างบล็อกเชนนั้นก็มีข้อดีตรงที่มันยืดหยุ่นกว่าและมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่ได้เก็บฐานข้อมูลไว้ที่เดียว
ทาง BoJ ได้ให้ความเห็นสรุปว่า “ทั้งสองระบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ในกรณีที่ต้องการทำธุรกรรมจำนวนมหาศาล ระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์นั้นย่อมดีกว่า แต่ระบบกระจายศูนย์ก็เหมาะกับการทำธุรกรรมที่มีปริมาณไม่มากนัก และยังมีช่องทางให้ต่อยอดในการพัฒนาไปอีกในอนาคต”
ที่มา: Source
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: คาซัคสถานทุ่มงบลงทุนเหมืองขุดเงินดิจิทัลอีกเท่าตัว! แถมจ่อออก CBDC ของตัวเองเร็ว ๆ นี้