นักวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน นาย Willy Woo ชี้สามเหตุผลที่ทำให้การขึ้นของ Bitcoin ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา
แม้ Bitcoin จะปรับตัวขึ้นอย่างดุเดือดในเดือนพฤศจิกายน แต่นาย Willy Woo กลับไม่คิดว่ามันจะจบด้วยการร่วงลงอย่างรุนแรงเหมือนครั้งก่อนหน้าด้วยสามปัจจัยหลักดังนี้
1. ตลาดกำลังขาดแคลน Bitcoin
ในขณะนี้เหล่าเว็บเทรดหรือ Exchange กำลังเริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องเนื่องจากนักลงทุนทยอยถอน Bitcoin ออกไปเก็บไว้เองมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ข้อมูล Net Flow of BTC at Exchanges จาก Glassnode ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนถอน Bitcoin ออกไปเก็บไว้ในกระเป๋าเงินของตัวเองมากขึ้นเพราะพวกเขาไม่ต้องการจะขายมันเร็ว ๆ นี้และอยากถือมันไว้เพื่อเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า
นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังมีการไหลของ Bitcoin ออกจากเว็บเทรดมากที่สุดในรอบห้าปีอีกด้วย (วงกลมสีแดง)
อ่านเพิ่มเติม: Exchange ขาดแคลน Bitcoin อย่างหนัก ส่งผลให้ราคาทะลุ 14,500 ดอลลาร์ไปแล้ว!
2. มีนักลงทุนระยะยาวหรือ HODLer เพิ่มขึ้น
นักลงทุนระยะยาวหรือ HODLer (อ่านว่า ฮอด’เลอร์) ซึ่งใช้เรียกผู้ที่ถือ Bitcoin เป็นเวลานานมากกว่า 1 ปีโดยไม่นำออกมาขายได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญก่อนที่ราคา Bitcoin จะระเบิดขึ้นมาเหนือระดับ 15,000 ดอลลาร์อย่างเช่นในปัจจุบัน
โดยขณะนี้มีจำนวน HODLer มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมของปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าที่ Bitcoin จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่เกือบ 2 หมื่นดอลลาร์ได้สำเร็จ นาย Willy Woo ให้ความเห็นว่า
“ก่อนหน้าการขึ้นรอบนี้ จำนวน HODLer ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุเพดาน มันสูงพอ ๆ กับเมื่อตอนเดือนตุลาคมปี 17 ไม่กี่เดือนก่อนที่ราคาของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง”
ซึ่งตัวเลขของ HODLer นี้มีผลต่อราคาเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนระยะยาวเหล่านี้จะไม่ยอมขาย Bitcoin ในช่วงราคาปัจจุบันอย่างแน่นอนและยิ่งทำให้สถานการขาดแคลน Bitcoin ในตลาดย่ำแย่หนักลงไปอีก ส่งผลให้ผู้ซื้อต้องแย่งกันในราคาที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
3. นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว
อินดิเคเตอร์ Bitcoin Spent Output Profit Ratio (SOPR) ได้ชี้ให้เห็นว่ามีนักเก็งกำไรและนักเทรดระยะสั้นบางส่วนได้ทำการขายทำกำไรไปแล้วก่อนหน้านี้
ข้อมูลจาก Glassnode เผยว่าในช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งได้ขายทำกำไรไปแล้ว และนี่จะช่วยลดโอกาสของการเทขายทำกำไรอย่างหนักที่มักจะทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากคนที่คิดจะขายก็ได้ขายไปแล้ว และหากพวกเขาอยากเข้ามาในตลาดอีกรอบตอนนี้ก็ต้องซื้อคืนในราคาที่สูงกว่าเดิม
สรุปแล้วว่ายังไง?
ด้วยเหตุผลสามประการดังกล่าวเราจึงสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะไม่เห็น Blow-off Top หรือการเทขายที่ยอดดอยในเร็ว ๆ นี้ โดยนาย Woo ชี้ว่าเราน่าจะเข้าสู่ช่วงการสะสมกำลังแบบไซด์เวย์ก่อนที่จะมีการพุ่งของราคาตามมาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดตราสารอนุพันธ์ของ Bitcoin นั้นมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงมีนักเทรดจำนวนมากที่เปิดสถานะ Long ไว้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดเหคุการณ์ที่เรียกว่า “Long Squeeze” หรือการดั้มป์ราคาเพื่อบังคับให้เหล่านักเทรดต้องทำการปิดสถานะและออกจากตลาดไปได้ในระยะสั้น
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: 4 ข้อที่นักลงทุน Bitcoin ควรรู้ก่อนเจอกับตลาดกระทิงของจริง