Lіtесоіn คือ สกุลเงินดิจิตอลแบบ Peer to peer และเป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่ทำงานบนระบบบล็อกเชนและไม่มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งควบคุม ถูกสร้างขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2011 โดย Charles Lee อดีตวิศวกรของ Google และ Coinbase
โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น Bitcoin รุ่นที่เบากว่า เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับ Bitcoin ทำให้ระยะเวลาในการทำธุรกรรมของ Litecoin รวดเร็วกว่า Bitcoin มากถึงประมาณ 4 เท่า
เนื่องจาก Litecoin นั้นใช้การสร้างบล็อกที่ใช้บ่อยคือ Lightening และ Segregated Witness (SegWit) เครือข่าย Litecoin จึงสามารถรองรับธุรกรรมปริมาณมากๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ในอนาคต ทำให้ Litecoin มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะสำหรับร้านค้าและลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากเวลาการยืนยันที่รวดเร็วขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 นาที และค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า Bitcoin ซึ่งไลท์คอยน์นั้นสามารถขุดได้ทั้งเครื่อง CPU และเครื่อง ASIC
Litecoin นั้นนับเป็นเหรียญทางเลือก (Altcoin) ตัวแรกๆ ที่แตกออกมาจาก Bitcoin ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลแบบ Peer to Peer ที่ใช้เล่มบัญชีสาธารณะ (Public Ledger) บนระบบบล็อคเชนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Blockchain) ที่สามารถใช้ทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางทางการเงินทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมต่ำมากจนแทบจะเป็นศูนย์
อีกทั้งผู้ใช้งานยังมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในระดับสูงเช่นเดียวกับ Bitcoin อีกด้วย โดย Litecoin นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ มือถือ และ Wirex VISA Card โดยมีกระเป๋าเงิน (Wallet) ทั้งแบบ Hardware, Desktop, Web Wallet และ Mobile App
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าราคาของ Litecoin จะไม่ได้พุ่งขึ้นสูงมากนัก แต่การเติบโตของ Litecoinในตลาดแลกเปลี่ยนนั้นก็เป็นไปอย่างดีมาโดยตลอด และถือเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีมูลค่าค่อนข้างดี โดยมีจุดเด่นหลักๆ ก็คือการยืนยันการทำธุรกรรมที่รวดเร็วอย่างมาก ซึ่งในภาพรวมแล้ว Litecoinนั้นมีลักษณะคล้ายๆ กับ Bitcoin เพียงแต่ว่ามูลค่าของเหรียญทั้งสองไม่เท่ากันเท่านั้นเอง
สิ่งที่ Charlie Lee ต้องการก็คือ การสร้าง Bitcoin รุ่นที่เบากว่า โดยเขาต้องแสดงสิ่งที่เรียกว่า “Hard Fork” ซึ่งการ fork คือการเปลี่ยนกฏเกณฑ์และการตั้งค่าต่างๆ ในระบบบล็อคเชนที่มีการตกลงเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาใหม่และใช้งานในทุกๆวัน
โดยคำว่า fork นั้นก็เหมือนกับส้อมที่เราใช้รับประทานอาหาร โดยด้ามจับของส้อมนั้นเป็นเปรียบเหมือนกับระบบหลัก ส่วนปลายส้อมที่แยกออกมานั้น ก็คือการ fork ซึ่งข้อมูลจะแยกออกมาเป็นเส้นคู่ขนานกัน และหากการปรับเปลี่ยนหรืออัพเกรดนั้นไม่มากจนมีผลกระทบต่อเส้นข้อมูลหลัก (ด้ามส้อม) ก็จะเรียกว่า “Soft Fork”
ขณะที่ อีกประเภทหนึ่งก็คือ “Hard Fork” คือมีการเปลี่ยนแปลงหรืออัพเกรดครั้งใหญ่ จึงต้องสร้างบล็อคเชนแยกกัน ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่ Charlie Lee ทำกับ Litecoin นั่นเอง
การทำงานของ Litecoin
การอธิบายการทำงานของเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นค่อนข้างยาก และถ้าหากจะให้อธิบายโดยละเอียดก็อาจจะสร้างความสับสนได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นจึงขออธิบายด้วยวิธีพื้นฐาน โดยใช้ตัวอย่างการใช้งานจริงประกอบการอธิบาย ดังนี้
สมมติว่า นาย A อยู่ที่ประเทศอังกฤษ และต้องการจะส่งเงินให้ นาย B ที่อยู่ประเทศไทย ซึ่ง นาย A ได้ยินมาว่าการส่ง Litecoin นั้นจะสะดวกรวดเร็วกว่า และยังมีต้นทุนการทำธุรกรรมที่ถูกกว่าการส่งเงินปกติ เขาจึงต้องการใช้ Litecoin ในการส่งเงินให้ นาย B แล้วทั้งสองคนจะต้องทำอย่างไร ?
ในขั้นแรก ทั้งผู้โอนและผู้รับ Litecoinจะต้องมีที่อยู่กระเป๋าเงิน Litecoin หรือ Litecoin Wallet ก่อน ซึ่งทุกคนสามารถรับกระเป๋าเงินLitecoin ได้ฟรีและไม่จำกัดจำนวนเงินที่คุณสามารถสร้างได้ คล้ายๆ กับบัญชีธนาคาร ซึ่งนาย A ก็ได้ทำการลงชื่อเข้าใช้กระเป๋าเงิน Litecoinและทำการส่งLitecoin ไปยังที่อยู่กระเป๋าเงิน Litecoin ของนาย B เป็นจำนวน 10Litecoin
จากนั้นLitecoin จะถูกส่งไปยัง Litecoin Blockchain ที่มีธุรกรรมอื่นๆ อีกหลายรายการที่เข้าสู่ Litecoin Blockchain ซึ่งในทุกๆ 2.5 นาทีจะมีการสร้างบล็อคใหม่ขึ้นมาเป็นที่เก็บธุรกรรมที่แตกต่างกันมากมายรวมถึงของนาย A
โดยธุรกรรมของนาย A จะต้องได้รับการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายก่อน โดยจะมีกลุ่มอาสาสมัครที่เรียกว่า “นักขุด (miners)” ทำการตรวจสอบธุรกรรมที่ต้องใช้พลังในการคำนวณสูงมาก และหลังจาก 2.5 นาทีที่นักขุดทำการยืนยันการทำธุรกรรมทั้งหมดในบล็อคนั้นแล้ว Litecoin ก็จะเข้ามาถึงในกระเป๋าเงินของนาย B นั่นเอง
การขุด Litecoin ทำได้หรือไม่
Litecoinเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถถูกขุดได้เช่นเดียวกับ Bitcoin เนื่องจากใช้ระบบ Proof-of-Work (PoW) เป็น Consensus Mechanism เช่นเดียวกัน โดยการขุด Litecoinนั้นมีความแตกต่างจาก Bitcoin อย่างชัดเจนในด้านของอัลกอริธึม ซึ่ง Bitcoin ใช้ SHA-256 ส่วน Litecoinจะใช้ Scrypt ซึ่งจะให้ความสำคัญกับ RAM ความเร็วสูง มากกว่ากำลังประมวลผล ทำให้กำลังในการขุดของทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก
โดย Bitcoin มีกำลังขุดทั้งหมดในเครือข่ายอยู่ที่ประมาณ 50,109 PH/s ขณะที่ Litecoinมีกำลังขุดทั้งหมดในเครือข่ายอยู่ที่ 240 TH/s ทำให้การขุด Bitcoin ยากกว่าและต้องใช้กำลังในการขุดมากกว่า Litecoinอย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดแวร์ ASIC ในการขุด Litecoinซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ในการขุดมีราคาแพงขึ้น แต่ก็มีโอกาสได้รับรางวัลการขุด Litecoinมากขึ้น
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin Halving คืออะไร? เมื่อบิทคอยน์โดนหั่นครึ่ง