นับตั้งแต่ Bitcoin ถูกเทขายจากระดับ 14,000 ดอลลาร์ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบสองปี ก็ถูกเทขายร่วงลงมากว่า 800 ดอลลาร์ ขณะที่ตลาด Altcoin เจ็บหนักโดยเฉพาะเหล่าโทเคน DeFi ที่เคยฮอตฮิตอย่างมากในช่วงพีคเมื่อเดือนกันยายน
ในวันนี้ตลาดคริปโตกลับเป็นสีแดงอีกหลัง Bitcoin ไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง ตลาด Altcoin ส่วนใหญ่ติดลบในระดับสองหลัก แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าขาขึ้นของ Bitcoin จะจบลงเพียงเท่านี้ เพราะทุกการขึ้นย่อมตามมาด้วยการย่อเพื่อสะสมกำลังและไปต่อ
แต่ DeFi ย่อแรงไปไหม?
โทเคนในวงการ DeFi เข้าสู่จุดพีคในเดือนกันยายนและค่อย ๆ ปรับตัวลดลงนับแต่นั้นมา ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ล็อคไว้บน DeFi หรือ TVL ก็ได้ลดลงมาเรื่อย ๆ เช่นกันเมื่อเหล่าชาวสาวทยอยถอนโทเคนออกมาร่วมวงเทขาย
อย่างไรก็ตาม มูลค่า TVL นั้นไม่ได้ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 12,500 ล้านดอลลาร์มากนัก โดยปัจจุบันยังมีมูลค่าอยู่ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าชาวสวนหลายคนยังไม่ถอดใจและมองว่าอุตสาหกรรม DeFi นี้ยังมีโอกาสได้ไปต่อ
Image Courtesy: Messari
แต่การเทขายที่ไม่หยุดหย่อนนั้นก็ทำให้นักลงทุนต้องสะเทือนไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์เล็กหรือใหญ่ต่างต้องเผชิญกับราคาที่ลงมาในระดับสองหลักทั้งสิ้นภายในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
แต่มีเพียงโทเคนเดียวในสาย DeFi เท่านั้นที่ทำผลงานได้เป็นบวกนั่นคือ Augur ที่เป็นแพลตฟอร์มเปิดให้ผู้คนเข้ามาทำการทายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ (วันที่ 4 ตามเวลาประเทศไทย)
มูลค่าตลาดคริปโตหายไป 15,000 ล้านใน 24 ชั่วโมง
มูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปของคริปโตเคอเรนซี่ลดลงไปถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยในขณะนี้ตลาดคริปโตมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.94 แสนล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้ที่ระดับ 4.12 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมาซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปีของปี 2018 เลยทีเดียว
ในเวลานี้คงต้องจับตาดูพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin โดยไม่กระพริบตา เพราะหากมันร่วงลงรุนแรงครั้ง ตลาด Altcoins ย่อมจะเจ็บหนักจนหลาย ๆ เหรียญและโทเคนอาจลงไปทำโลว์ใหม่ของปีได้เลยทีเดียว ซึ่งแนวรับแรกของ Bitcoin อยู่ที่ 13,000 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปคาดว่าจะอยู่ที่ 11,500 ดอลลาร์
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: แม้ผันผวนแต่ SCN30 Index ก็ยังให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้น