ตลาดเงินดิจิตอลรวมถึงการลงทุนในโปรเจคท์ไอซีโอในประเทศไทยไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่นี้ซบเซามาเป็นเวลาเกือบสองปีแล้วและกำลังรอความหวังที่จะมาฟื้นตลาดให้คึกคักอีกครั้ง
ประกอบกับการปิดตัวลงของ www.bx.in.th เวบซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่และเก่าแก่ที่สุดได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในเงินดิจิตอลเป็นอย่างมาก แม้ผู้เล่นสองรายที่เหลืออย่าง Satangpro และ Bitkub จะประกาศว่ามีลูกค้าเก่าของBXย้ายเข้ามาจำนวนมาก แต่กับรายใหม่คงไม่เชื่อมั่นที่จะลงทุนในเงินดิจิตอล
ในที่สุดจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงเมื่อสำนักงานกลต.ได้อนุญญาตให้ผู้ประกอบการ ICO Portal ทั้งสามรายที่ได้ยื่นขอไลเซ่นส์ไว้คือ SEDigital,Bit-Box และ Longroot ให้สามารถประกอบธุรกิจได้ ทำให้เวลานี้ประเทศไทยสามารถระดมทุนไอซีโออย่างถูกต้องตามกฎหมายได้แล้ว
วงการบล็อกเชนและเงินดิจิตอลในไทยกำลังจับตาว่าโปรเจคท์ใดจะเป็นผู้เสนอขายไอซีโอรายแรก โดยทั้งสามรายต่างมีลูกค้าอยู่ในมือแต่ต้องคัดกรองเป็นอย่างดี เพราะหากโปรเจคท์แรกประสบความล้มเหลวการระดมทุนครั้งต่อไปจะยากมากขึ้น โดยมีทั้งบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ให้ความสนใจที่จะระดมทุนอยู่พอสมควร
ส่วนความหวังในการระดมทุนด้วยวิธีการ STO (Securities Token Offering) ยังไม่มีความชัดเจนจากสำนักงานกลต.แต่ในพรก.สินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดช่องให้ระดมทุนด้วย Investment Token ซึ่งใกล้เคียงกับ STO มากที่สุดได้โดยจะพิจารณาอนุมัติเป็นรายโปรเจคท์
ด้านตลาดเวบซื้อขายเงินดิจิตอลหรือ Exchange หลังการปิดตัวของ BX ก็ยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่รอการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอีกหลายราย คาดว่าภายในปีหน้าจะเห็นการแข่งขันในธุรกิจนี้ด้วยผู้เล่นเกือบสิบราย ผู้เล่นที่น่าจับตาคือ Huabi Thailand ซึ่งเตรียมใช้งบประมาณด้านการตลาดเพื่อที่จะยึดครองตลาดซื้อขายเงินดิจิตอลในไทย
ปลายปีนี้ประเทศไทยยังมีการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่เกี่ยวกับบล็อกเชนและเงินดิจิตอลเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีนั่นคือ Blockchain Thailand Genesis 2019 ภายใต้สถานที่จัดงานที่ใหญ่ขึ้นจะเป็นตัวชี้วัดว่าคนไทยตื่นตัวกับเรื่องของบล็อกเชนและเงินดิจิตอลมากน้อยเพียงใด
บทสรุปของภูมิทัศน์บล็อกเชนและเงินดิจิตอลของไทยภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานกลต. ถือว่าได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนได้พอสมควรกับกรณีที่ BX ปิดตัวลงและทางการเข้ามากำกับการคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าจนครบจำนวน แต่การกำกับดูแลจะเป็นการขัดขวางการแพร่หลายของเทคโนโลยีหรือไม่ยังต้องติดตามต่อไป