Brad Garlinghouse ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Ripple ได้ออกมาแสดงความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระบุว่า ความคลุมเครือไม่ชัดเจนของกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของทางการสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ทำให้โกรธเคืองได้อย่างมาก
รายงานระบุว่า Garlinghouse ได้เปรียบเทียบกฎหมายกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลและอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีในสหรัฐฯ กับเอเชียแล้วพบว่า กฎระเบียของสหรัฐฯ ยังมีความคลุมเครือ และขาดความชัดเจน
“ผมขอยกนิ้วให้กับบางตลาด (ในเอเชีย) อย่างสิงคโปร์ และแม้แต่บางส่วนของเกาหลีใต้ ที่รัฐบาลรับบทเป็นผู้นำในการกำหนดและมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนเข้าใจได้ง่ายสำหรับสกุลเงินดิจิทัล” Brad Garlinghouse ซีอีโอแห่ง Ripple กล่าว
โดย Garlinghouse ได้ยกเอากรณีฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายระหว่าง Ripple กับ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และดูแลตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นความอ่อนด้อยของกฎระเบียบด้านสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ Garlinghouse กล่าวว่า สหรัฐฯ ดูจะเป็นชาติเดียวบนโลกใบนี้ที่พิจารณาให้ XRP เป็นอะไรก็ได้ยกเว้น สกุลเงิน โดยการฟ้องร้องที่ยังคงดำเนินต่อไปนี้ เกิดขึ้นจากการที่ SEC พิจารณาให้ XRP เป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งแม้ซีอีโอของ Ripple จะรู้สึกดีต่อแนวโน้มทิศทางของคดีที่ค่อนข้างเป็นไปในทางบวกกับบริษัท กระนั้น คดีความทางกฎหมายดังกล่าวก็ถือเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงบริษัทเช่นเดียวกัน
Ripple บริษัทด้านฟินเทค ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ออกสกุลเงินดิจิทัล XRP ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในห้วงเวลานี้ มีคดีความฟ้องร้องกับทาง SEC ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 ที่ผ่านมา และแม้จะมีการแต่งตั้ง Gary Gensler ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตให้ดำรงตำแหน่งประธาน SEC คนใหม่ แต่ทาง SEC ก็กลับดูไม่ยแพ้กับการต่อสู้ครั้งนี้ภายในเร็ววันนี้