ราคาที่พุ่งทะยานขึ้นของ Bitcoin ในปัจจุบันนับเป็นสิ่งที่นักลงทุนรอคอยมานาน และหลังจาก 3 ปีแห่งการรอคอยในที่สุด ยุคใหม่ที่สดใสไฉไลของคริปโตเคอร์เรนซีก็ได้ฤกษ์เริ่มต้นเสียที โดยไม่เพียงแต่ราคาBitcoinจะพุ่งทะลุฝ่าแนวจิตวิทยาที่ 20,000 ดอลลาร์สหรํฐเท่านั้น แต่ราคาBitcoinยังขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก้าวผ่าน 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ และขยับผ่าน 23,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า ราคาสถิติสูงสุดที่ Bitcoinทำได้ในขณะนี้อยู่ที่ 23,642 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาของBitcoinในขณะที่กำลังเขียนรายงานอยู่ในขณะนี้ปรับตวลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 22,600 ดอลลาร์สหรัฐ
สมาชิกบางคนชุมชนคริปโตBitcoinให้คำนียามต่อความเคลื่อนไหวของราคาBitcoinล่าสุดว่าเป็นขบวนแรลลี่ของขวัญจากซานตาครอสรับช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดย Bitcoin มีการเติบโตถึง 370% นับตั้งแต่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้หลังการเทขายครั้งใหญ่ในวันพฤหัสทมิฬ (Black Thursday) ก่อนที่จะใช้เวลาไม่ถึงปี พลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้ แถมยังได้ดีกว่าเดิม ทำให้นักลงทุนได้ประสบกับสภาวะ FOMO ซึ่งน่าจะกระตุ้นให้ราคา Bitcoinพุ่งทะลุฝ่าแนว 23,000 ดอลลาร์สหรัฐ
กระนั้น ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ว่า ดีมานด์ที่ไหลทะลักเข้ามาในตลาดของนักลงทุนทำให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมโดยเฉลี่ยของ BTCขยับปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจาก 2.71 ดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 11.90 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งBitinfocharts.com ระบุว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่าภายใน 1 วัน
ตามที่ได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า สภาวะขาขึ้นของ Bitcoin ในปีนี้แข็งแกร่งแตกต่างจากปี 2017 อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากราคาที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของ Bitcoinปีนี้เป็นผลมากจากการการเติบโตอย่างเต็มที่ของ Bitcoin และการขยายตัวของตลาดคริปโตที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
รายงานระบุว่า ตลาดจะได้เห็นการถือครองเงินBitcoinจากฝั่งนักลงทุนสถาบันมากขึ้น นอกเหนือจากฝั่งนักลงทุนรายย่อย โดยหลายรายเข้ามาลงทุนในคริปโตเป็นครั้งแรก ส่งผลให้Bitcoinมีความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือมากขึ้นอย่างที่ไม่เป็นมีมาก่อน
นอกจากการลงทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำรายใหญ่อย่าง Mode Global, Grayscale Investments, MicroStrategy, MassMutual และอื่นๆ แล้ว ยังมีบรรดาธนาคารเอกชนในบางประเทศอย่าง อิตาลี ก็ก้าวเข้าสู่โลกของ Bitcoin อย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน โดย Forbes รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ธนาคาร Banca Generali เพิ่งจะเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐของบริษัทฟินเทคแห่งหนึ่งที่มุ่งเน้นด้นคริปโต ซึ่งข่าวคราวในลักษณะดังกล่าวจะมีส่วนในการผลักดันให้เกิดการยอมรับประยุกต์ใช้งานคริปโตมากขึ้นในอนาคต
เรียกได้ว่า สถานการณ์ในขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคมที่มีต่อ Bitcoinไปในทางที่ดี กระนั้น สำนักข่าวบลูมเบิร์ก็แสดงความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมองได้ว่าเป็นการเก็งกำไรในความผันผวน และความเสี่ยงด้านการลงทุนรูปแบบหนึ่ง โดยนักลงทุนไม่ได้ซื้อ Bitcoin เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่เป็นการเข้าซื้อและทิ้งอย่างรวดเร็วเพื่อเก็งกำไร
แต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่า สถานะของ Bitcoinในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อและรักษาความมั่งคั่งก็กำลังเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากนักลงทุนหลายคนในตลาดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้ว ขณะที่มีการเปรียบเทียบ Bitcoin กับมาตรฐานทองคำ บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างวางตำแหน่งให้กับBitcoinว่ามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุนตัวใหม่ของโลกได้
ยิ่งไปกว่านั้น พื้นฐานของอุตสาหกรรมในเวลานี้ก็แข็งแกร่งรองรับกับ Bitcoin ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศออกมาแล้วว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ซึ่งหมายถึงการอัดฉีดเงินดอลลาร์สหรัฐเข้าระบบบมากขึ้น ทำให้นักลงทุนยิ่งต้องการหาทางเลือกในการเก็บสำรองความมั่งคั่งของตนแทนเงินดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับในส่วนของนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะก้าวเข้ามาจะต้องระมัดระวังรอบคอบให้มากขึ้นเมื่อต้องก้าวเข้ามาสู่ตลาดBitcoin แม้ว่าเหรียญสีส้มในเวลานี้จะอยู่ในภาวะตลาดกระทิงก็ตาม เพราะคุณสมบัติหนึ่งของBitcoinก็คือความผันผวนของราคา ทำให้หากไม่ระวัง เทรดเดอร์ก็อาจต้องเผชิญกับความสูญเสียได้ ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะพุ่งตัวลงไปในตลาดขณะที่ราคาBitcoinแตะระดับจุดสุดยอดเวลานี้
ด้านนักวิเคราะห์ราคาคาดการณ์ว่าราคาBitcoinจะลดต่ำลงในช่วงสัปดาห์หน้าก่อนคริสต์มาส กระนั้น ราคาของ Bitcoinที่อยู่ระหว่าง 21,000-23,000 ดอลลาร์สหรัฐ น่าจะดึงดูดนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ให้เทขายออกไปอย่างบ้าคลั่งได้
SOURCE
https://www.supercryptonews.com/bitcoin-watch-23000-mark-cleared-before-christmas-should-you-jump-into-bitcoin