คูแลป (KULAP) คว้ารางวัล ติด 1 ใน 8 ดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย สาขาเทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) จาก สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ด้านทีมบริหารตอบรับรางวัล มุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มทางการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้
นายพลากร ยอดชมญาณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาโตชิ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มทางการเงินรูปแบบใหม่ในการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้แบรนด์ “คูแลป” (KULAP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ รู้สึกภูมิใจและมีความยินดีอย่างยิ่งที่บริษัทฯ ได้เป็น 1 ใน 8 ที่ได้ผ่านการพิจารณารับการส่งเสริมและสนับสนุน ด้านสาขาเทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) โดยการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการของ depa เกิดจากความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลงานที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามารองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบไร้ตัวกลาง ซึ่งปัจจุบัน KULAP เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับอนุญาตดำเนินกิจการจากสำนักงาน ก.ล.ต.
สำหรับการคัดเลือกดังกล่าว ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) เผยว่าคณะอนุกรรมการได้พิจารณาการส่งเสริมและสนับสนุนดิจิทัลสตาร์ทอัพ (Digital StartUp) ครั้งแรกของปี โดยพิจารณาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของการให้บริการครอบคลุมเทคโนโลยีเป้าหมายของประเทศ ได้แก่ EdTech, FinTech, HealthTech และ Data Platform โดยมีผู้เข้าคัดเลือกกว่า 60 ราย โดยคณะทำงานได้ร่วมพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วประเทศไทยเป็นหลัก รวมงบสนับสนุนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท
“จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดกินเวลานานต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมต่าง ๆ จนทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างเห็นได้ชัด โดยตามภารกิจของดีป้าที่ส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล จึงเห็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาบริการดิจิทัลของคนไทยเพื่อคนไทย” ผอ. ใหญ่ดีป้ากล่าวเสริม
ทีม KULAP มีความยินดีและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการได้รับโอกาสนี้ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการ Startup แก่ประเทศไทย โดยบริษัทฯ จะไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน รวมถึงการให้บริการแพลตฟอร์มทางการเงินรูปแบบใหม่ให้สมกับที่ผ่านการคัดเลือก ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อ 11 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มแล้วกว่า 18 ล้านบาท