ตั้งแต่ บิทคอยน์ เกิดขึ้นมาครั้งแรกเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เงินดิจิทัลสกุลนี้มักถูกตั้งคำถามและต้องพบเจอกับคำสบประมาทอยู่เสมอจากผู้ที่ไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วยและมองบิทคอยน์ในแง่ลบ แต่หากลองเปิดใจให้กว้างและพยายามทำความเข้าใจจะพบว่าบิทคอยน์นั้นก็เป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบเช่นเดียวกันกับสินทรัพย์อื่น ๆ
เรามาไปดูกันว่าคนทั่วไปมักมีอคติต่อบิทคอยน์ในมุมไหนบ้าง และอะไรคือความเป็นจริงที่พวกเขาอาจเข้าใจผิดหรือมองข้ามไป
1.บิทคอยน์ไม่มีค่าในตัวเอง
นักการเงินรุ่นเก่าบางส่วนมักมองว่าบิทคอยน์เป็นเงินที่สร้างขึ้นมาจากอากาศ ไม่มีอะไรค้ำประกัน ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มเติมอะไรขึ้นมา ทั้งราคาที่ซื้อขายกันไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุผล เป็นเพียงอารมณ์ ความโลภ และความกลัวเท่านั้นที่ทำให้ราคาของมันขยับขึ้นลง
แต่ในความเป็นจริงแล้วบิทคอยน์มีค่าในตัวเองจากคุณสมบัติพื้นฐานที่มันเป็น Digital Scarcity หรือสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลที่หายาก ไม่สามารถทำซ้ำ หรือปลอมแปลงได้ และ Store of Value คือมีคุณสมบัติในการเก็บมูลค่า ไม่หดหายไปตามกาลเวลาอย่างเช่นเงิน Fiat ที่มีมูลค่าลดลงทุกปีจากอัตราเงินเฟ้อ โดยคุณค่าที่พิสูจน์ได้ของบิทคอยน์คือการจำกัดซัพพลายไว้ที่ 21 ล้านหน่วยและความปลอดภัยขั้นสูงของบล็อกเชน ทั้งคุณสมบัติในการเป็นระบบเปิดแบบกระจายศูนย์ที่ทำให้มันมีความยืนหยุ่น และไม่สามารถถูกควบคุมหรือทำลายได้ง่าย ๆ โดยดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นทุกปีจากการใช้งานจริง ทำให้มันมีคุณค่าในตัวเองตามราคาตลาดที่สะท้อนผ่านผู้ซื้อและผู้ขาย
2.จับต้องไม่ได้ ไม่มีอยู่จริง
เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่คนบางส่วนโดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นเก่าใช้โจมตีบิทคอยน์จากการมันที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้เหมือนกับสินทรัพย์การลงทุนอื่นดั้งเดิมอย่าง ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นที่ยังมีตัวบริษัท ที่สามารถจับต้องและถือไว้ในมือได้
แต่ในความเป็นจริงทุกสินทรัพย์การลงทุน แทบจะไม่มีนักลงทุนรายใดที่ถือสินทรัพย์นั้น ๆ ไว้กับตัวซักเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เท่านั้นอย่างทองคำก็มีตลาด Futures ให้เทรดโดยมีนักลงทุนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ หรือน้ำมันก็ซื้อขายเพียงแค่สัญญาล่วงหน้า ไม่มีนักลงทุนรายใดซื้อน้ำมันมาเก็บไว้จริง
หรือแม้การลงทุนในหุ้นก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องการได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลหรือส่วนต่างราคาเท่านั้น มีส่วนน้อยที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการนั้นจริง ๆ
ซึ่ง บิทคอยน์ ก็ไม่ต่างอะไรกับสินทรัพย์การลงทุนอื่นที่คนส่วนใหญ่ต้องการผลกำไรส่วนต่างหรือซื้อถูกขายแพง การจะจับต้องได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด
บทความที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin Halving คืออะไร? เมื่อบิทคอยน์โดนหั่นครึ่ง
3.ราคาผันผวนสูง ใช้ได้แค่เก็งกำไรเท่านั้น
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสบประมาทที่บิทคอยน์ได้รับมาอย่างต่อเนื่องจากความผันผวนของราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อลองย้อนกลับไปดูสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ ในช่วงตั้งต้นก็ล้วนแต่มีความผันผวนของราคาที่สูงไม่แพ้บิทคอยน์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทองคำ น้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ หรือแม้แต่หุ้นที่มีมาร์เกตแคปเล็ก ๆ
ในแง่ของการใช้งาน ความผันผวนอาจจะสร้างปัญหาในการกำหนดราคาแลกเปลี่ยน แต่ในแง่มุมของการลงทุน ความผันผวนที่สูงนั้นเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้น
4.บิทคอยน์ถูกนำไปใช้ในธุรกรรมการเงินอำพรางและเรื่องผิดกฎหมายเท่านั้น
การที่ธุรกรรมการโอนบิทคอยน์นั้นไม่จำเป็นต้องรายงานให้กับหน่วยงานกำกับดูแลทราบเหมือนกับการโอนเงินผ่านธนาคาร ทำให้หลายคนมองบิทคอยน์ในด้านลบว่ามันมักถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายเช่นการฟอกเงิน ค้ายาเสพติด หรือเรื่องผิดกฎหมายอื่น ๆ
ซึ่งความเป็นจริงแล้วการทำธุรกรรมผ่านบล็อกเชนของบิทคอยน์นั้นสามารถตรวจสอบได้แม้จะมีคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง อีกทั้งบล็อกเชนนั้นมีความน่าเชื่อถือสูงเนื่องจากไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนข้อมูลได้ เพียงแต่กฎหมายทางการเงินต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเทคโนโลยี โดยต้องรวมการทำธุรกรรมบิทคอยน์ลงไปในกฎหมายที่ต้องกำกับดูแล ซึ่งหลาย ๆ ประเทศกำลังเริ่มทำอยู่ในขณะนี้
5.มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ใช้งาน และยังไม่ได้รับการยอมรับจากทางการ
อาจจะเป็นความจริงที่ว่าจำนวนผู้ถือครองและใช้งานบิทคอยน์ยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ แต่อย่าลืมว่าบิทคอยน์ถือกำเนิดขึ้นมาได้เพียง 12 ปีเท่านั้น ขณะที่สินทรัพย์รูปแบบเก่าอย่างทองคำและหุ้นต่างอยู่บนโลกนี้มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
ส่วนการยอมรับจากทางการ แม้จะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่รับรองบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ตามกฎหมาย แต่หลาย ๆ ประเทศก็ได้เริ่มออกกฎหมายมาควบคุมดูแลผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว บิทคอยน์จึงไม่ได้อยู่ในมุมมืดเหมือนเมื่อไม่กี่ปีก่อนอีกต่อไป
เหรียญมีสองด้าน บิทคอยน์ก็ไม่ต่างอะไรกับสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด ขอเพียงเราเข้าใจในข้อดีข้อเสียของมันและศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุนเท่านั้นก็พอ
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : วิกฤตเศรษกิจ: จุดเริ่มต้นและจุดจบของ Bitcoin?