ผลการประชุมของบรรดาประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง (CEO) ของบริษัทเอกชนชั้นนำทั่วโลก พบส่วนใหญ่ให้ความสนใจเข้ารับฟังเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี บิทคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น ทำให้คาดการณ์ได้ว่า บรรดาซีอีโอเหล่านี้เริ่มพิจารณาและมีความเป็นไปได้ที่จะใช้สกุงเงิน BTC เป็นทางเลือกนอกเหนือจากเงินสด
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทาง MicroStrategy Inc เพิ่งจัดงานประชุมระดับโลก World.Now ซึ่งแตกต่างจากการประชุมทั่วไปที่เน้นวาระ “ด้านการขาย” แต่เป็นการหารือแลกเปลี่ยนในประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจหรือเป็นกระแสของโลก ซึ่งรวมถึงหัวข้อพิเศษอย่าง “Bitcoin for Corporations”
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า MicroStrategy คือใคร ข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า MicroStrategyถือเป็นบริษัทแห่งแรกที่เปิดให้สาธารณชนนำสินทรัพย์ของตนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนลงทุนในบิทคอยน์ โดยจนถึงขณะที่เขียนรายงาน MicroStrategyมีคริปโตเคอร์เรนซีในครอบครองคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงมุ่งกู้เงินดอกเบี้ยถูกเพื่อเข้าซื้อบิทคอยน์เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อย่าง Michael Saylor ก็เป็นผู้ที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้สนับสนุนตัวเอ้ที่แนะนำให้นักลงทุนทั้งหลายใช้บิทคอยน์เป็นทางเลือกในการสั่งสมมูลค่าสินทรัพย์ของตน
Michael Saylor เปิดเผยว่า การเข้าร่วมเวทีประชุม World.Now ครั้งนี้มีบริษัทมากกว่าหนึ่งพันแห่งที่ลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟัง หัวข้อ Bitcoin legal considerations หรือการแลกเปลี่ยนความเห็นด้านกฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลบิทคอยน์
ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลายฝ่ายจะให้ความสนใจรับฟังความเห็นด้านบิทคอยน์จาก Microstrategy เพราะโดยรวมแล้ว MicroStrategy เป็น บริษัทที่มีขนาดตลาดใหญ่คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่จดทะเบียนใน NASDAQ อีกทั้งนับตั้งแต่ที่บริษัททุ่มความสนใจลงทุนในบิทคอยน์ ราคาหุ้นก็พุ่งสูงขึ้นจากระดับต่ำกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2020 มากอยู่ที่ชมากกว่า 700 ดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน
นักลงทุนและกองทุนจำนวนมากมองว่า MicroStrategy เป็นบริษัทที่โดดเด่นมีชื่อเสียงในแง่ของการทุ่มเงินจำนวนมากไปลงทุนในบิทคอยน์ โดยใช้บิทคอยน์เป็นเครื่องมือทางธุรกิจในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ
สำหรับการประชุม World.now ครั้งนี้ มีแพล็ตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเข้าร่วมหลายแพล็ตฟอร์ม อาทิเช่น Binance, Coinbase และ Kraken. นอกจากนี้ยังมีบริษัทด้านการลงทุนที่ได้รับอนุญาตจากทางการอย่าง Fidelity และ Grayscale เข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ดูเหมือนว่าปี 2021 จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ปีสำหรับสถาบัน FOMO เท่านั้น แต่น่าจะเป็นอีกปีที่ดีสำหรับการขยายกิจกรรมขององค์กร และสิ่งที่บริษัทเหล่านี้ต้องการก็คือคัมภีร์กลยุทธ์