- คำแนะนำของ อีลอน มัสก์ ที่ว่าราคาของบิทคอยน์ “ดูเหมือนสูง” ไม่สามารถลดความต้องการของสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 57,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและทำสถิติสูงสุดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในส่วนแบ่งตลาดเป็นครั้งแรก
- กระแสความสนใจของนักลงทุนสถาบันในบิทคอยน์ยากที่จะคลี่คลายในครั้งนี้เนื่องจากบรรดาCFO จำนวนมากต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในการพิจารณาจัดสรรสินทรัพย์บนกระดาน อย่างน้อยให้มีสัดส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับต่ำสุด
ถือเป็นเหตุพลิกผันที่น่าประหลาดใจไม่น้อย เมื่อหนึ่งในเหตุผลที่ให้ราคาบิทคอยน์พุ่งทะยานทำนิวไฮระลอกใหม่อย่าง อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อค่ายผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (-0.77%) ที่เข้าซื้อบิทคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ออกมาท้วงติงในทวิตเตอร์ ว่าราคาบิทคอยน์ “ ดูจะสูงเกินไป”
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดดูจะไม่ได้สนใจฟังคำท้วงของ อีลอน มัสก์แต่อย่างใด เพราะราคาบิทคอยน์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และทำให้มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก จนทั้งผู้สนับสนุนและผู้ติดตามตกอยู่ในภาวะสับสนไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ Musk ได้ทวีตว่า
“ เงินเป็นเพียงข้อมูลที่ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกในการแลกเปลี่ยน”
“ ข้อมูลนั้นก็เหมือนกับข้อมูลทั้งหมดที่มีความล่าช้าและข้อผิดพลาด”
ทั้งนี้ ราคาของบิทคอยน์ในเดือนนี้เพียงเดือนเดียวได้เพิ่มขึ้น 56% มาอยู่ที่ 57,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยขณะนี้อยู่ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลงในช่วงสั้น ๆ ก่อนมุ่งหน้าสู่สัปดาห์ใหม่
บรรดานักลงทุนสายแข็งในคริปโตเคอร์เรนซีกำลังต่อกรกับผู้ติดตามเพื่อช่วงชิงความสามารถในการควบคุมทิศทางของบิทคอยน์ โดยฝ่ายที่สนับสนุนบิทคอยน์ระบุว่า บิทคอยน์เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่คุ้มค่า ในขณะที่ฝ่ายนักวิจารณ์ออกมาแนะนำว่าเป็นเพียงการแสดงออกของตลาดที่ผิดเพี้ยนบิดเบือนไปเพราะมาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลังของภาครัฐมากกว่า
กระนั้น การลงทุนในบิทคอยน์ของเทสลาก็ถือเป็นสถานการณ์แห่งชัยชนะในหลายๆ กรณี
เพราะหาก บิทคอยน์บูมขึ้นโดยเพิ่มมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนที่ผ่านมา บริษัทเทสลาก็จะได้รับผลกำไรมากขึ้น แต่หากบิทคอยน์ร่วง เทสลาก็ยังสามารถใช้ผลขาดทุนจากการลงทุนในบิทคอยน์เป็นค่าลดหย่อนภาษีกับผลกำไรใด ๆ ที่เกิดจากธุรกิจหลักได้
แม้ผู้บริหารการเงินแบบดั้งเดิมบางคนยังคงมองว่า Bitcoin และ ilk เป็นเพียงฟองสบู่เก็งกำไรขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรายย่อยในลักษณะเดียวกับหุ้นของ บริษัท ต่างๆเช่น GameStop และ AMC Entertainment (+ 3.45%)
กระนั้น ก็เป็นเรื่องยากที่จะมองข้ามผลการดำเนินงานที่สูงตระหง่านของ บิทคอยน์จากผลตอบแทนของหุ้น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ และพันธบัตรในปีนี้ได้
ทั้งนี้ เหมือนที่อดีตประธานาธิบดีเติ้ง เสี่ยวผิงของจีนได้กล่าวไว้ว่า
“ไม่สำคัญว่าแมวจะเป็นสีดำหรือสีขาว ตราบใดที่มันจับหนูได้ก็พอ”
เมื่อพิจารณาคุณสมบัติแมวจากการจับหนู ผู้บริหารการเงินและซีเอฟโอประมาณ 5% ในการสำรวจล่าสุดของ Gartner เปิดเผยว่าพวกเขาตั้งใจจะเพิ่มบิทคอยน์เข้าไปในงบดุลก่อนสิ้นปีนี้
ตามที่ผู้บริหารการเงินอาวุโสคนหนึ่งกล่าวว่า
“ต้นทุนของความผิดพลาดเกี่ยวกับบิทคอยน์ นั้นต่ำกว่าต้นทุนของการไม่เข้าร่วมมาก ลองนึกดูว่าถ้าเราใส่บิทคอยน์ไว้ในหนังสือแล้วเราทำมันหายไป มันก็แย่เหมือนกัน แต่ลองนึกดูว่าถ้าเราไม่ได้ทำ (จัดสรรสัดส่วนบิทคอยน์เข้ามาในดุลบัญชี) และหนึ่งปีนับจากนี้ เมื่อ CEO มองและเห็นว่าเรามีโอกาสนั้นและไม่ได้ทำ ทันใดนั้นคุณก็กลายเป็น CFO ที่ต้องมองหางานใหม่ เพราะ CEO มองหาคนที่มีพลังกระตือรือล้นและมองเกมคาดการณ์ล่วงหน้าได้ขาด เข้ามาแทนที่”
PATRICK TAN, SCN CONTRIBUTOR
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แห่ง Novum Alpha บริษัทด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่ใช้เครื่องมือ Deep Learning ในการสร้างผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์ภายใต้ทุกสภาพเงื่อนไขของตลาด