จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้ง Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำของประเทศไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตของไทยโดยแนะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเริ่มพิจารณาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ จิรายุส ให้เหตุผลด้วยการชี้ให้เห็นว่ามูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมคริปโตในขณะนี้มีขนาดใหญ่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยเกือบ 5 เท่า ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อุตสาหกรรมดังกล่าวจะเป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้บุคคลเข้าไปสร้างความม้่งคั่งที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้
นอกจากนี้ จิรายุสยังเห็นว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ควรจะเปิดกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การดึงนักลงทุนคริปโตที่มั่งคั่งเข้ามาแทนตลาดกลุ่มเป้าหมายเดิม พร้อมย้ำว่าข้อเสนอดังกล่าวคุ้มค่าและมีความเป็นไปได้ เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก และภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของ GDP ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งผู้ก่อตั้ง Bitkub ย้ำว่า การสร้างแรงจูงใจดึงดูดให้นักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทยมากขึ้น จะมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ยิ่งไปกว่านั้น จิรายุสยังเสริมอีกว่า บรรดาธุรกิจเอกชนไทยต่างเตรียมพร้อมให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลแก่นักท่องเที่ยวคลื่นลูกใหม่แล้ว แต่ต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนที่จะดำเนินการดังกล่าว “จีดีพีของประเทศของเราสามารถเติบโตได้ 6 เท่าถ้าเราสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดนี้ได้” จิรายุสกล่าว
ด้าน ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. แสดงความเห็นว่า ขณะที่ ทางการกำลังทำงานในระบบนิเวศการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน คาดว่าจะอนุญาตให้บุคคลที่ร่ำรวยเช่นผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลสามารถโอนเงินให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง อย่างไรก็ตาม ททท. ต้องแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบรวมถึงความเสี่ยงของอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตก่อนจึงจะสามารถเปิดตัวได้