- ความเป็นไปได้ในการที่จะออกสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันบิทคอยน์
- บรรดาผู้ค้าที่มองว่าการที่บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกหันเข้าหาสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นภัยคุกคามต่อบิทคอยน์ ต่างพลาดที่จะมองเห็นความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสินทรัพย์ทั้งสองประเภทหรือข้อเสนอด้านมูลค่าเฉพาะ
ในช่วงทศวรรษที่ 1970 ความคลั่งไคล้เทอร์โบชาร์จในรถยนต์ได้ลุกลามไปสู่วัฒนธรรมสมัยนิยม ทำให้ภายในชั่วข้ามคืน ป้ายคำว่า “เทอร์โบ” ถูกแปะติดบนสินค้าแทบทุกอย่างตั้งแต่กระดาษชำระไปจนถึงผ้าเช็ดตัว
ทำให้คำอย่าง “turbo” ในใจผู้บริโภคมีน้ำหนักและภาพลักษณ์ในทางบวกมากขึ้น
และในยุค 70 มีผู้บริโภคเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า “เทอร์โบ” หมายถึงอะไร หรือแค่รู้เพียงผิวเผินว่าเป็นเพียงการใช้ก๊าซไอเสียของเสียจากกระบวนการเผาไหม้เพื่อม้วนคอมเพรสเซอร์ที่เพิ่มปริมาณอากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์สันดาปของ รถจึงเพิ่มกำลัง (อากาศมากขึ้น ปังกว่า กำลังมากขึ้น)
การติดป้ายคำว่า “เทอร์โบ” ไม่ได้ทำให้ดีไปกว่าการติดป้ายคำว่า “ดิจิทัลแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า การลดลงล่าสุดของบิทคอยน์นั้นอิงกับแนวโน้มความเป็นไปได้ที่บรรดาธนาคารกลางจะออกสกุลเงินดิจิทัลหรือ CBDC ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้คุกคามเหตุผลของการคงอยู่ของคริปโตเคอร์เรนซี
ทั้งนี้ CBDC กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหลังจากที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อหน้าสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ว่า มันเป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารกลางจะต้องดำเนินการโครงการดอลลาร์ดิจิทัลให้ถูกต้อง
ในขณะเดียวกัน ฟากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก็มีความก้าวหน้าไปอีกขึ้น ด้วยการประกาศเริ่มต้น “ระยะการตรวจสอบ” สำหรับการออกเงินยูโรดิจิทัลของตนเอง
อย่างไรตาม เหล่านักลงทุนที่มองหา CBDC และรู้สึกกังวลว่าธนาคารกลางเหล่านี้จะรุมกินโต๊ะบิทคอยน์นั้น ถือได้ว่าพลาดประเด็นสำคัญไปโดยสิ้นเชิง
เพียงเพราะว่า แค่เงินดอลลาร์ ยูโร หรือเยนเป็นดิจิทัล ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลยเกี่ยวกับสิ่งที่มันเป็นตัวแทน คือ สกุลเงินเงินเฟ้อที่ปกครองโดย fiat และสนับสนุนโดย diktat
ในทางกลับกัน นักลงทุนมักมองว่า บิทคอยน์มีค่าเทียบเท่าทองคำ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความอ่อนแอของการเมืองในการพิมพ์สกุลเงินจำนวนมากจนกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
โดย ดอลลาร์ หุ้นCotton หรืออย่างอื่น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหลักการใด ๆ จากการที่มันถือกำเนิดขึ้นโดยพื้นฐาน
ทั้งนี้ บิทคอยน์ ประสบกับภาวะหยุดชะงักในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนปรับตัวลดลงและคิดอยู่ในกระแสราคาต่ำต่อไป แต่การตรวจสอบอย่างใกล้ชิดของตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะเผยให้เห็นว่า NFT หรือโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้นั้นเพิ่มขึ้นและยังคงพบกระเป๋ามูลค่าในโครงการสกุลเงินดิจิทัลเฉพาะ
หากไม่มีอะไรอื่น ตลาดสกุลเงินดิจิทัลดูเหมือนจะเติบโตเต็มที่แล้ว ด้วยความเสถียรสัมพัทธ์ของ Ether และ “การแยกตัว” จากบิทคอยน์ เป็นสัญญาณว่าผู้ค้าอาจไม่หมกมุ่นอยู่กับตัวเลขพาดหัวของบิทคอยน์ อีกต่อไป