กรณีที่เว็บเทรดคริปโตรายใหญ่ของโลกอย่าง OKEx ได้ออกมาระงับการถอนเหรียญของลูกค้าตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา แม้จะส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ในเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าประเด็นเรื่องของความโปร่งใสและความปลอดภัยของสื่อกลางสำคัญอย่าง Exchange คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมคริปโตยังถูกจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น
ในอดีตกรณีของ Mt Gox เว็บเทรดคริปโตอันดับหนึ่งในขณะนั้นประสบปัญหาถูกมือดีแฮคบิทคอยน์ไปด้วยมูลค่า 477 ล้านดอลลาร์ จนต้องล้มละลายและปิดตัวไป เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ราคาบิทคอยน์เป็นขาลงอย่างยาวนาน เนื่องจากนักเทรดต่างสูญเสียความมั่นใจไปว่าเงินของตัวเองจะปลอดภัยหรือไม่ (ขณะนั้น Exchange ไม่ได้มีมากมายเป็นดอกเห็ดเหมือนทุกวันนี้)
ไม่เพียงแต่ประเด็นของ OKEx แต่เว็บเทรดคริปโตหลายแห่งก็เผชิญหน้ากับคำถามสำคัญเรื่องของความโปร่งใสมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น BitMEX ที่ถูกกล่าวหาว่าปิดสถานะ Long ของลูกค้าอย่างไม่โปร่งใส มักมีปัญหาเว็บไซต์ล่มเวลาที่ตลาดมีความผันผวนหนัก และล่าสุดกำลังถูกหน่วยงานควบคุมของสหรัฐฯ (CFTC) ตรวจสอบ
อ่านเพิ่มเติม : สรุปดราม่าไทม์ไลน์ OKEx ระงับการถอนเงินของผู้ใช้ใน 8 ข้อ
ขณะที่ Exchange ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Binance ก็มีประเด็นสงสัยทางด้านข้อกฎหมายและใบอนุญาตที่ทุกวันนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าที่ตั้งสำนักงานจริง ๆ อยู่ที่ไหนและใช้ใบอนุญาตทางด้านการเงินจากประเทศใดกันแน่
หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของความโปร่งใสและข้อกฎหมายไปได้ วงการคริปโตจะยังคงถูกจำกัดผู้ใช้งานอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น และเป็นปัจจัยที่กันไม่ให้นักเทรดหน้าใหม่เข้ามา จึงยังไม่สามารถเป็นตลาดที่มีศักยภาพสมบูรณ์ (Efficiency Market) ได้เสียที
วิเคราะห์กราฟเทคนิค BTC
หลังจากที่ บิทคอยน์ (BTC) สามารถ Breakout เทรนด์ไลน์ขากดขึ้นมาได้โดยไม่เกิด False Break แนวโน้มระยะกลางจึงเปลี่ยนเป็นขาขึ้น โดยมีการยกตัวสูงขึ้นของราคาในรูปแบบ Higher High
ขณะที่แนวโน้มระยะสั้น สัปดาห์ที่ผ่านมา BTC มีการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ แนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุดคือ 11,150 ดอลลาร์ หากยืนอยู่ได้และสามารถผ่านแนวต้าน 11,500 ดอลลาร์ ไปได้จะมีบททดสอบสำคัญที่ 12,000 ดอลลาร์ และจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 12,500 ดอลลาร์
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : นักลงทุนสถาบัน ตัวแปรสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
วิเคราะห์กราฟเทคนิค ETH
แนวโน้มใหญ่ของ Ethereum (ETH) ยังคงเป็นขาขึ้น ส่วนแนวโน้มระยะกลางมีการเคลื่อนไหวเป็นไซด์เวย์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 309 ดอลลาร์และแนวต้านอยู่ที่ 395 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามแนวโน้มราคาเริ่มทำ Higher High ขึ้นต่อเนื่อง บ่งบอกว่าแนวโน้มกำลังเปลี่ยนเป็นขาขึ้น
หากสามารถผ่านแนวต้านที่ 395 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมและ 400 ดอลลาร์ ตามแนว Fibonacci ไปได้จะเป็นการยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ 490 ดอลลาร์
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : แฟน Ethereum HODL หนักมาก! เหรียญกว่า 60% ไม่ขยับมามากกว่าหนึ่งปีแล้
ภาพรวมของทั้ง BTC และ ETH ในเชิงเทคนิคกำลังฟอร์มตัวที่จะเป็นขาขึ้นซึ่งพอที่จะเป็นที่พึ่งของนักลงทุนได้ในภาวะที่ตลาดคริปโตโดยเฉพาะ DeFi Token มีความผันผวนที่สูง