นาย Mike McGlone นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์อวุโสจาก Bloomberg ได้ให้ความเห็นง่าย ๆ ว่าทำไมเจ้าแห่งคริปโตเคอเรนซี่อย่าง บิทคอยน์ จึงมีอนาคตไกลและเหนือกว่า ทองคำ ในรายงานล่าสุดของเขาที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ bloomberg.com
เหตุผลที่ว่านั้นก็คือ ” บิทคอยน์ นั้นต่างจาก ทองคำ ตรงที่ ต่อให้ราคาและดีมานด์ของบิทคอยน์สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเร่งกำลังการผลิตได้”
นาย McGlone อ้างหลักแนวคิดที่ว่า ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมันนั้น เมื่อมีความต้องการตลาดสูงขึ้น ราคาก็จะพุ่งขึ้นตามไปด้วย แต่ผู้ผลิตก็สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตให้มีสินค้าออกมาสู่ตลาดมากขึ้นจนราคากลับมาอยู่ในจุดที่สมดุลอีกครั้ง แต่สำหรับบิทคอยน์แล้วนั้นกำลังการผลิตถูกควบคุมด้วยโค้ดคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามใจเหมือนสินค้าอื่น ๆ และยังมีเหตุการณ์ Halving ที่จะลดอัตราการผลิตของบิทคอยน์ลงไปอีกครึ่งหนึ่งทุก ๆ 210,000 บล็อกหรือประมาณ 4 ปีอีกด้วย
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ผู้นี้ยังชี้ให้เห็นว่า จากส่วนผสมที่พอเหมาะระหว่างบิทคอยน์ที่มีอยู่อย่างจำกัด และธนาคารกลางทั่วโลกที่กำลังพิมพ์เงินออกมาอย่างบ้าคลั่ง ล้วนจะส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้วบิทคอยน์กลายเป็นของที่มีค่าเหนือสินทรัพย์อื่น
นอกจากนี้เขายังสังเกตุเห็นว่าค่าเฉลี่ยอัตราความผันผวนของบิทคอยน์ 180 วันได้ร่วงลงไปจุดต่ำสุดตลอดกาล (allt-time-low) ซึ่งสอดคล้องกับช่วงก่อนตลาดกระทิงในปี 2015 ที่อัตราความผันผวนร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดเช่นกัน
กองทุนบิทคอยน์สำหรับนักลงทุนระดับสถาบันอย่าง Grayscale Bitcoin Trust ก็ได้ทำการเข้าซื้อบิทคอยน์จำนวนมหาศาลระหว่างช่วงที่ราคาร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดย ณ ขณะนี้กองทุน Grayscale มีบิทคอยน์อยู่ในการดูแลถึง 333,000 BTC คิดเป็นกว่า 2% จากจำนวนบิทคอยน์ทั้งหมด
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: Coinbase ชี้! วิกฤตโควิดเป็นบทพิสูจน์ว่าบิทคอยน์นั้นเหนือกว่าทองคำ