ข้อมูลจาก Cryptocpmpare.com พบว่าเมื่อวันที่ 10 july ที่ผ่านมา volume การเทรด bitcoin ด้วยสกุลเงิน JPY สูงถึง 103 หมื่นล้านเยน นับว่าเป็นยอด volume การซื้อขายสูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา และหากเปรียบเทียบสถิติ การซื้อขาย bitcoin ด้วยสกุลเงินเยน JPY แล้ว คิดเป็น volume การซื้อขายอันดับ 2 รองจาก US dollar เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อขายจากสกุลเงินหลักของโลก คิดเป็น 9.44% หรือราวๆ 23,851.1 BTC
อีกทั้งการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Bitcoin จากเว็บไชต์ google trend พบว่า การค้นหาข้อมูล คำว่า bitcoin หรือ ビット コイン ในภาษาญี่ปุ่น มีการค้นหาสูงสุดในช่วยปลายปี 2017 ในช่วงที่ราคาของ Bitcoin นั้นทำราคาอยู่ที่จุดสูงสุด แต่ในปัจจุบันการสืบค้นก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่ Bitcoin จะเป็นขาขึ้น หรือ bull market เดือนพฤศจิกายน 2017
ดังนั้นจากข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นทำให้เห็นถึงความสนใจในตลาด Cryptocurrency ในประเทศญี่ปุ่น จนถือได้ว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับหนึ่งในเอเชียเลยทีเดียว
3 เหตุผลทำไม Bitcoin รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆได้รับความสนใจในญี่ปุ่น
ปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรัง
ปัญหาการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับต่ำติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมารัฐบาลได้เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ แย่ที่สุดในรอบ 6 ปี ประกอบกับภาวะความผันผวนที่รุนแรงของเศรษฐกิจโลก อัยเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างจีนและอเมริกา รวมถึงญี่ปุ่นกับเกาหลีเอง โดยความกังวัลดังกล่าวทำให้หลายประเทศรวมถึงประเทศญี่ปุ่นเอง จำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินต่างๆ อย่างการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสูงระบบเศรษฐกิจ หรือการลดดอกเบี้ย เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตเศรฐกิจ
นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิม 8% เป็น 10% ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากรัฐบาลให้เหตุผลว่าจะต้องนำรายได้ในส่วนนี้ไปช่วยเหลือระบบประกันสังคมและผู้สูงอายุ แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กลับมองว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้จะยิ่งส่งผลลบต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น และประชาชนจะลดการใช่จ่าย ส่งผลให้มีการประเมินการเติบโตของเศรฐกิจญี่ปุ่นในปีนี้ จะเหลือเพียง 0.4-0.8%
ผลตอบแทนในสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ
สืบเนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษกิจในประเทศญี่ปุ่นเองที่มีการเติบโตตกต่ำ ประกอบกับภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และภาวะกดดันจากส่งครามการค้าระหว่าง จีนกับอเมริกา และ ญี่ปุ่นกับเกาหลีเอง ทำให้เกิดการชะลอการลงทุนของทั้งภาครัฐอและเอกชน เพื่อป้องกันการขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อตลาดเงินและตลาดทุน โดยค่าเงินเยนมีแนวโน้มการเเข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกภายในประเทศ เกิดภาวะกดดันต่อตลาดหุ้นให้มีความผันผวน และความเสี่ยงในการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น
อีกทั้งผลตอบแทนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคม 2019 อยู่ที่ -0.227 % โดยถึงแม้ตั้งแต่ปี 2016 รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาระดับผลตอบแทนให้ใกล้เคียง 0 ให้ได้มากที่สุดแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เป็นผล อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า ผลตอบแทนอาจจะติดลบสูงสุด 0.3-0.4 ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนและถือครองในพันธบัตรนี้
กฏหมายและการควบคุม Cryptocurrency
สำหรับกฏหมายและข้อจำกัดเรื่อง Cryptocurrency ประเทศญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก โดย Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฏหมายของญี่ปุ่นภายใต้บัญญัติบริการการชำระเงิน รวมทั้งได้มีการกำหนดไว้ว่า กำไรจากการลงทุนสกุลเงินดิจิตอลจะต้องมีการเสียภาษีในอัตรา 15%-55%
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิตอลในประเทศญี่ปุ่น และเพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้ลงทุนมากขึ้น ได้มีการแก้กฏหมายที่เกี่ยวข้องบางส่วนและมีผลบังคับใช้ เมษายน 2019 เพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับบริการของผู้รับฝากสินทรัพย์ดิจิตอล ป้องกันการฟอกเงิน และความปลอดภัยด้านไซด์เบอร์
จากปัจจัยทั้ง 3 ข้อที่ได้กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่า Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ เป็นหนึ่งในทางออกของการลงทุนสำหรับคนญี่ปุ่นได้ เนื่องจากการได้รับการยอมรับและถูกต้องตามกฏหมาย รวมทั้งถึงแม้อาจจะมองว่าถึงแม้มีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ประกอบกับภาวะเศรษกิจที่มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ และผลตอบแทนในสินทรัพย์ชนิดอื่นแทบจะเป็น 0 จนถึงติดลบ อีกทั้งในกลุ่ม bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ นั้นมีข้อดีที่ยิ่งเด่นชัดในช่วงสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีอย่างจำกัด และไม่สามารถแทรกแซงได้ด้วยเครื่องมือทางด้านการเงินของรัฐบาล
รวมถึงแนวโน้มของการรับชำระเงินด้วย Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ เริ่มมีการนำมาใช้อย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เช่น ร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ BIC CAMERA หรือ HIS ตัวแทนการท่องเที่ยวรายใหญ่ ก็เปิดรับการชำระเงินด้วยวิธีนี้ และมีแนวโน้มในทิศทางบวกมากขึ้น
ทำให้คนญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะซื้อ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ไว้ ไม่ใช่เพียงแค่การเก็งกำไร และเพื่อรักษาความมั่งคังจากความไม่มั่นคงของสกุลหลักอีกต่อไป จนอาจจะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin กับสถานะตัวเก็บมูลค่า