Signal แอปพลิเคชั่นบริการพูดคุยออนไลน์พิจารณาพัฒนาคริปโตเคอร์เรนซีของตนเอง
รายงานระบุว่า สืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น Whatsappแห่มาใช้บริการของ Signal ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะหวั่นเกรงว่า Whatsappที่ Facebookเป็นเจ้าของนี้ ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากแบบฉับพลัน ทำให้เกิดปัญหาทางเทคนิคบนแพล็ตฟอร์ม Signal ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะเดินหน้าพัฒนาคริปโตเคอร์เรนซีของตนเองเพื่อรองรับความต้องการใช้งานของลูกค้า
รายงานจาก The Verge ระบุว่า Signal กำลังดำเนินการเพื่อปิดตัวฟีเจอร์การชำระเงินใหม่ๆ รวมถึงการเปิดตัวโทเคนที่อิงกับ Stellar ที่เรียกว่า MobileCoin โดยแผนการดังกล่าวได้รับการผลักดันจาก Moxie Marlinspike ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Signal หลังจากเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของฐานผู้ใช้งานในเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สมาชิกในทีม Signal กลับอดรู้สึกวิตกกังวลไม่ได้ โดยส่วนหนึ่งกลัวว่า ทิศทางใหม่นี้อาจกระตุ้นความไม่พอใจจากหน่วยงานกำกับดูแลหากไม่ได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ดังนั้น การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการที่ไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อดำเนินการที่อันตรายหรือผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือไม่ก็ตาม ยิ่งในห้วงเวลาที่หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของภาครัฐฯ กำลังเดินหน้ากวาดล้างตรวจสอบกิจกรรมและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ก็ยิ่งทำให้ข้อเสนอการเพิ่มฟีเจอร์คริปโตบนแอพลิเคชั่นของ Signal อาจเป็นตัวการสร้างปัญหาให้กับบริษัทได้
ทีมงานของ Signal ต่างลงความเห็นให้ดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างระมัดระวัง ทว่า ซีอีโอของ Signal กลับเมินเฉยต่อข้อท้วงติงดังกล่าว โดยเจ้าตัวกระตือรือล้นที่จะผลักดัน โครงการ MobileCoin หลังจากที่เคยเสนอครั้งแรกไปเมื่อปี 2017
Gregg Bernstein อดีตนักวิจัยผู้ใช้งานที่เคยทำงานกับ Signal กล่าวว่า โลกขณะนี้จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์อย่าง Signal แต่ก็ต้องการให้ Signal รอบคอบด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่แค่ว่า Signal ไม่มีนโยบายรองรับเท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่มีแม้แต่การพิจารณาลักษณะหน้าตาของนโยบาย” Bernstein กล่าว