ทองคำปลอม ที่เกิดเป็นกระแสขึ้นในช่วงที่ราคาทองคำวิ่งทะลุระดับ 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี ทำให้เริ่มเกิดคำถามว่าระหว่างทองคำกับบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภท Store Of Value เช่นเดียวกันและมีแนวโน้มที่มูลค่าจะเติบโตขึ้นในอนาคต
ทองคำมีความยากลำบากในการใช้แทนเงินแต่บิทคอยน์สะดวกกว่า
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตนจับต้องได้หรือ Physical และมีปริมาณให้เลือกเก็บสะสมตั้งแต่ขั้นต่ำที่สุดคือ 1สลึง ไปจนถึง 5 บาททองคำ อย่างไรก็ตามการที่จะนำทองคำออกมาใช้จ่ายถือเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากต้องนำทองที่เก็บไว้ไปขายที่ร้านทองซึ่งมีใบอนุญาต ซึ่งจะต้องเสียเวลาเดินทางและเมื่อขายได้ก็ต้องนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีอีก
ที่ผ่านมาช่วงวิกฤตโควิดยังเกิดปัญหาในด้านสภาพคล่องของร้านขายทองเนื่องจากราคาที่สูงขึ้นมีแต่ผู้คนต่อแถวเข้ามาขายทองทำให้ร้านทองเกิดปัญหาไม่สามารถให้เงินสดกับลูกค้าได้ทันที
รวมถึงปัญหาในการขนส่งทองคำระหว่างประเทศในช่วงที่เกิดโรคระบาดทำให้สภาพคล่องของการซื้อขายทองคำเกิดหยุดชะงัก ทั้งที่ทองคำเป็นสินทรัพย์สากลที่มีตลาดรองรับทั่วโลก
แต่บิทคอยน์จัดเก็บอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลจึงสามารถใช้แทนเงินได้อย่างรวดเร็วซึ่งประเทศไทยมีผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Exchange ที่มีใบอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต. รองรับอยู่จึงไม่เป็นปัญหาในการแปลงมาใช้แทนเงิน เพราะสามารถถอนกลับมาเป็นเงินบาทได้ทันที
เราพิสูจน์ทองคำปลอมก่อนซื้อไม่ได้แต่บิทคอยน์ไม่มีสิทธิถูกปลอม (ยกเว้นถูกหลอกลงทุน)
ทองคำปลอม ที่ระบาดในช่วงนี้ทำให้เราตระหนักว่าทองคำสามารถปลอมแปลงได้และเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ว่าทองคำที่เราถือเป็นของจริงหรือของปลอมหากไม่ใช่ผู้ชำนาญอย่างแท้จริง แม้ทองคำจะมีเลขทะเบียนกำกับแต่ใช่ว่าผู้ใช้งานทุกคนจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง
แต่บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้เพราะทำงานอยู่บน Public Blockchain ซึ่งทุกคนที่อยู่บนแพลตฟอร์มนี้สามารถตรวจสอบธุรกรรมต่างๆกันได้หมด อีกทั้งบิทคอยน์ยังมีจำนวนที่จำกัดเพียง 21 ล้านหน่วย หากต้องการเป็นเจ้าของต้องทำการขุดขึ้นมาหรือไปซื้อใน Exchange จึงไม่มีใครสร้างบิทคอยน์ปลอมได้
อย่างไรก็ตามกรณีนี้ไม่นับรวมการหลอกลวงให้ลงทุนในบิทคอยน์ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาเป็นอย่างดีเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ
บิทคอยน์มี Upside Gain มากกว่าทองคำหากเทียบกับจุดสูงสุดเดิม
ณ เดือนกรกฎาคม ปี2563 ทั้งทองคำและบิทคอยน์ต่างมีเป้าหมายในด้านราคาที่จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม โดยทองคำยังมีอัพไซด์อีกประมาณ 6.5% หรืออีกประมาณ 121 ดอลลาร์ ขณะที่บิทคอยน์ มีอัพไซด์อีกประมาณ 114% ก่อนจะไปถึงระดับสูงสุดเดิม 19,000 ดอลลาร์ จะเห็นว่าในเชิงการลงทุนบิทคอยน์มีความน่าสนใจมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งทองคำและบิทคอยน์ต่างเป็นสินทรัพย์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในแง่มุมที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนจะพิจารณาลงทุนสินทรัพย์ใดตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ยอมรับได้